ฉีดหน้าใส
Skin Booster คืออะไร

Skin Booster ช่วยอะไรบ้าง ควรฉีดตัวไหนถึงจะเหมาะกับผิวของคุณ

ใคร ๆ ก็อยากมีผิวสุขภาพดี มีความชุ่มชื่น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ไร้ริ้วรอย แต่เมื่อคุณอายุมากขึ้นการทาครีมบำรุงเพียงเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากการสร้างคอลลาเจนเริ่มลดน้อยลง ผิวเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน Skin Booster เป็นอีกหนึ่งวิธีในการฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาแข็งแรงอย่างเร่งด่วน 

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า Skin Booster คืออะไร? มีคุณสมบัติอะไรบ้าง ใครบ้างที่ควรฉีด Skin Booster การฉีด Skin Booster มีความปลอดภัยหรือไม่ ผลข้างเคียงอะไรไหม Skin Booster ตัวไหนบ้างที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เรารวบรวมคำตอบมาให้คุณแล้ว



Skin Booster คืออะไร 

Skin Booster ช่วยอะไร

Skin Booster คือ การเติมสารอาหารให้กับผิว ซึ่งเป็นสารชนิดหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายทำการผลิตคอลลาเจนมากขึ้น เป็นการฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้น แลดูอ่อนเยาว์ เสริมความแข็งแรง มีความยืดหยุ่น ลดริ้วรอย รอยแผลเป็น และลดรอยสิวต่างๆ ได้ดีอีกด้วย


Skin Booster ดีต่อผิวหน้าอย่างไร 

ฉีด Skin Booster

หน้าที่หลักของ Skin Booster คือ วิตามินบำรุงผิวที่ช่วยกระตุ้นสร้างคอลลาเจนให้ผลิตเพิ่มขึ้น ใครที่กำลังมีประสบปัญหาผิวโทรม ผิวอ่อนแอ สิวขึ้นง่าย หน้าหมองคล้ำ ไม่มีออร่า การฉีดSkin Booster สามารถช่วยทำให้ผิวสวยใสได้ แต่นอกจากนี้Skin Booster ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ อีกที่ดีต่อผิวของเรา โดยมีดังนี้

  • Skin Boosterช่วยปรับผิวให้เปล่งปลั่ง ยกกระชับ เต่งตึง และกระจ่างใส
  • Skin Boosterช่วยจัดระเบียบคอลลาเจนในชั้นผิวของเรา ทำให้ผิวของเราสามารถซึมซับสารบำรุงต่าง ๆ ได้ดีมากขึ้น
  • Skin Boosterช่วยทำให้ผิวที่อ่อนแอ่กลับมาแข็งแรง และยังปกป้องไม่ให้คอลลาเจนถูกทำลาย
  • Skin Boosterช่วยทำให้รูขุมขนกระชับแลดูเล็กลงได้ รวมไปถึงหลุมสิว 
  • Skin Boosterสามารถยับยั้งการหลั่งสาร Acetylcholine พร้อมต่อต้านการเกิดริ้วรอยบนผิวหนัง

ฉีด Skin Booster ดีกว่าการทาครีมอย่างไร?

บางคนอาจจะสงสัยว่าถ้าSkin Boosterเป็นสารบำรุงผิวแล้วจะมีความแตกต่างจากการทาครีมบำรุงผิวหน้าอย่างไร? ถึงแม้ว่าจะทำหน้าที่เหมือนกัน แต่กระบวนการทำงานมีความแตกต่างกันมาก โดยมีดังนี้

  • การทาครีมบำรุงผิว 

เป็นการบำรุงผิวเพียงชั้นนอกเท่านั้น ไม่สามารถเข้าลึกได้ถึงภายในได้ และใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่ผิวของเราจะดีขึ้น

  • การฉีด Skin Booster

เป็นการบำรุงผิวถึงชั้นใน สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารไฮยาลูรอนิค เอซิด (HA) และคอลลาเจนส่งผลให้ผิวของคุณมีความชุ่มชื้น กระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์ รวมไปถึงริ้วรอย หลุมสิว แผลเป็นต่างๆ จะจางลงได้รวดเร็วขึ้น 

นอกจากนี้การฉีดSkin Boosterยังช่วยเสริมให้การทาครีมบำรุงผิวหน้าซึมซาบสู่ผิวได้ดีมากขึ้น จึงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ เนื่องจากเห็นผลได้จริงและมีความปลอดภัย


ใครบ้างเหมาะแก่การทำ Skin Booster  

เมื่อเราได้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างการทาครีมบำรุงผิวหน้ากับการฉีดSkin Boosterว่าแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แล้วใครบ้างละที่ควรฉีดSkin Booster ซึ่งผู้ที่เหมาะกับในการทำSkin Booster มีดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย 
  • ผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน 
  • ผู้ที่พักผ่อนน้อยจนทำให้ผิวเสื่อมโทรม
  • ผู้ที่มีปัญหารอยหลุมสิวและจุดด่างดำจากสิว สิวอุดตัน
  • ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง ไม่กระชับ
  • ผู้มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื่องจากถูกมลภาวะและแสงแดดทำร้าย
  • ผู้ที่ไม่คอยมีเวลาบำรุงผิว Skin Booster สามารถฟื้นฟูให้ผิวกลับมาชุ่มชื่น แข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว

บริเวณที่นิยมฉีด Skin Booster  

ใบหน้าเป็นบริเวณที่นิยมฉีด Skin Booster

การฉีด Skin Booster สามารถฉีดได้ในบริเวณใบหน้า รอบดวงตา ริมฝีปาก รอยหลุมสิว ลำคอ เนินอก หลังมือ รวมถึงบริเวณอื่น ๆ ที่มีปัญหาผิว อย่างไรก็ตามการฉีด Skin Booster ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเนื่องจาก Skin Booster มีหลากหลายชนิด ควรเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล


สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีด Skin Booster  

ข้อดีของการฉีด Skin Booster

สำหรับใครที่รู้สึกว่าผิวขาดความชุ่มชื้น ผิวโทรม ไม่สดใส แต่งหน้าไม่ค่อยติด เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผิวของคุณมีอาการขาดน้ำ การฉีด Skin Booster สามารถช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวที่มีปัญหาอย่างเร่งด่วน แต่ก่อนที่คุณจะไปฉีด Skin Booster จำเป็นต้องทราบก่อนว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง โดยมีดังนี้

ข้อดีของการฉีด Skin Booster

  • คุณสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
  • หลังจากฉีด Skin Boosterคุณไม่ต้องรอพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • การฉีด Skin Boosterไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย
  • การฉีด Skin Boosterสามารถแก้ปัญหาผิวได้หลายอย่าง เช่น สิวอักเสบรอยสิว ริ้วรอย เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ลดรอยแผลเป็นต่างๆ 

ข้อเสียของการฉีด Skin Booster

  • การฉีด Skin Boosterไม่เหมาะกับผู้ที่กลัวเข็ม
  • การฉีด Skin Boosterไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหรือโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเม็ดเลือด
  • การฉีด Skin Boosterบางกรณีอาจจะต้องใช้ระยะเวลานานและจำนวนหลายครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

ขั้นตอนการฉีด Skin Booster  

 Skin Boosterสามารถแก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย เช่น ผิวโทรม ผิวหมองคล้ำ ผิวขาดน้ำ มีสิวผด รอยสิว ริ้วรอย เป็นต้น การฉีด Skin Booster ใช้ระยะเวลาในการทำประมาณ 15-45 นาที ขั้นตอนการฉีด Skin Boosterโดยส่วนใหญ่จะมี 4 ขั้นตอน ดังนี้

  1. ล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนผิวออกให้หมด
  2. แพทย์จะทำการประคบเย็น หรือถ้าคนไข้ต้องการใช้ยาชาแพทย์จะแปะยาทิ้งไว้จนยาชาออกฤทธิ์
  3. เริ่มฉีด Skin Boosterตามบริเวณที่แพทย์ประเมิน
  4. ทำความสะอาดผิวอีกรอบ จากนั้นแพทย์จะทายาป้องกันการอักเสบตามรอยเข็มที่ฉีดไป เป็นอันเสร็จ

Skin Booster มีแบบไหนบ้าง

ในปัจจุบันมี Skin Boosterหลากหลายตัว แต่ละตัวจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันในหัวข้อนี้เราจะมาให้คำตอบกันว่ามี Skin Booster ยี่ห้อไหนบ้างที่ได้รับความนิยม 

1. Rejuran 

การฉีด Rejuran เป็น Skin Booster ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากตัวยาสกัดมาจากปลาแซลมอลอย่างสารโพลี่นิวคลีโอไทด์ (Polyneucleotide หรือ pn) แก้ปัญหาผิวได้หลากหลาย ได้แก่ ปรับรูขุขนให้กระชับ ให้ผิวเรียบเนียน ฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายในให้มีความแข็งแรงขึ้น ชะลอวัยของผิวได้ดี เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ควบความมันบนใบหน้า และยังช่วยให้ผิวมีความอ่อนเยาว์ แลดูกระจ่างใสสุขภาพดี

ฉีด Rejuran เหมาะกับ ผู้ที่มีอายุ 20 ปีปลาย ๆ หรือผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ต้องการผิวหน้าเต่งตึง กระชับ ผู้ต้องการสภาพผิวหน้าที่ดีขึ้นกว่าเดิม และผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยให้แลดูจางลง

2. มาเด้ (Made Collagen)

มาเด้คอลลาเจน (MADE Collagen) เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาแบบเมโสหน้าใสโดยจะรวมสารอาหารผิวชั้นเลิศเลยทีเดียว โดยมีทั้งวิตามินรวม แร่ธาตุ เอนไซม์และเซลล์บำบัด รวมทั้งพลาเซนต้าและคอลลาเจนเข้มข้น แต่ขั้นตอนของการฉีดSkin Boosterตัวนี้จะฉีด 16 จุดบนใบหน้าแบบ Homeopathy 

หากคุณรู้ว่าผิวขาดการบำรุง แห้งกร้าน หยาบกร้าน ต้องการฟื้นฟูเป็นพิเศษ อยากให้ผิวกระจ่างใสกว่าที่เคยในระยะเวลาเร่งด่วน ตัวยาของมาเด้คอลลาเจนจะเข้าช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและวิตามินบนผิวหนัง รวมถึงกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลืองให้สามารถทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ลดเลือนริ้วรอย ขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิว เสริมความกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

มาเด้คอลลาเจนเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาบำรุงผิวมาอย่างยาวนานจนผิวเริ่มแห้งกร้าน ต้องการฟื้นฟูผิวโดยด่วน อยากให้ผิวกลับมาแข็งแรง มีผิวสุขภาพดี ต้องการผิวกระจ่างใสอย่างเร่งด่วน และผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอย

3. Glass Glow Skin

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวขาดน้ำ Glass Glow Skin เป็นSkin Boosterที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นการเติม HA ไปให้ชั้นผิวตื้น ทำให้ผิวดูโกลว์ฉ่ำน้ำ แลดูสุขภาพดี รูขุมขนเล็กลง คืนความชุ่มชื้น ลดเลือนเส้นริ้วรอย พร้อมปรับผิวใส คืนความอ่อนเยาว์ 

4. Premium Glow

Premium Glow เป็นSkin Boosterที่รวบรวมสารสกัดเข้มข้นทั้ง Hyaluronic acid, Polynucleotide, กรดอะมิโน & เปปไทด์, Premium วิตามิน & แร่ธาตุจำเป็น และกลูต้าไธโอน ช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดปัญหาริ้วรอยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว เป็นการเติมน้ำให้ผิวทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น ผิวกระชับ แลดูสุขภาพดี Premium Glow เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว ผู้ที่มีปัญหาสิว ผดผื่น และสิวอักเสบ 

5. Channel 

การฉีดชาแนล เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในประเทศเกาหลีเป็นอย่างมาก สามารถกู้ปัญหาผิวแบบเรงด่วนเนื่องจากตัวยาที่ประกอบไปด้วย กรดไฮยาลูรอนิค, กรดอะมิโน 23 ชนิด พร้อมสารสกัดจากพืชและวิตามินต่างๆ อีก 12 ชนิด ตัวยามีความปลอดภัยต่อร่างกายและมีโอกาสในการเกิดผลค้างเคียงต่ำ 

Skin Boosterผิวชาแนลสามารถช่วยให้ผิวกระชับเต่งตึง กระชับรูขุมขน ลดริ้วรอยให้ดูตื้นขึ้น ผิวฉ่ำวาวจากภายใน แลดูกระจ่างใส แก้ปัญหาผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยให้การดูดซึมรับสารบำรุงจากครีมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น การฉีดชาแนลเหมาะกับคนที่มีสภาพผิวหน้าแห้ง


ฉีด Skin Booster ที่ไหนดี  

การฉีดSkin Boosterส่วนใหญ่จะฉีดเข้าสู่ผิวหน้าโดยตรง คุณจำเป็นต้องเลือกคลินิกเสริมความงามที่มีความปลอดภัย มีมาตรฐาน ไม่ควรเลือกเพียงเพราะราคาถูกอย่างเดียว มิฉะนั้นอาจเกิดผลเสียกับตัวคุณเอง โดยวิธีการคลินิกเสริมความงามให้ปลอดภัย มีดังนี้

1. มีใบอนุญาตประกอบการ

บริการฉีดSkin Booster ต้องได้รับใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กระทรวงกำหนด 

2. ศัลยแพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ

แพทย์ที่ให้บริการฉีดSkin Boosterต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทยสภา อันเป็นที่เรียบร้อย เพื่อเป็นหลักฐานแสดงถึงความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับผู้เข้ารับบริการว่ามีความปลอดภัย

3. ราคาสมเหตุสมผล

ค่าบริการฉีดSkin Boosterต้องสมเหตุสมผลไม่ถูกเกินไป หากมีราคาถูกเกินไป ยิ่งมีความเสี่ยงสูง เช่น บริการที่ไม่ได้มาตรฐานหรือใช้ตัวยาที่ไม่มีคุณภาพ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพให้กับผู้ใช้บริการในระยะยาว ทั้งนี้ความเลือกดูที่ความน่าเชื่อถือ เช็กดูราคามาตรฐานด้วย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจอคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน

4. มีบริการปรึกษาแพทย์ฟรีก่อนฉีดSkin Booster

ก่อนฉีดSkin Boosterแพทย์ต้องให้คำปรึกษาฟรีสำหรับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าทราบปัญหาและแนะนำวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม

5. คลินิกมีความสะอาด 

คลินิกที่ให้บริการฉีดSkin Booster จะต้องมีความสะอาด ตั้งแต่พื้นไปจนถึงผนังห้อง อุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่คนไข้เป็นอย่างดี

6. สามารถตรวจสอบตัวยาได้ว่าเป็นของแท้

คลินิกเสริมความงามที่ดีควรให้ลูกค้าเช็กกล่องของSkin Booster ที่นำมาฉีด และแพทย์จะต้องแกะตัวยาต่อหน้าคนไข้ เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าใช้บริการ


รีวิวฉีด Skin Booster กับ Romrawin Clinic

รีวิวฉีด Skin Booster กับ Romrawin Clinic จากคุณมิ้ม

หลังจากทำโปรแกรม(Skin Booster) กับ romrawin รู้สึกหน้าฉ่ำวาว ปัญหาผิวลดลงมากค่ะ – มิ้ม @mimu.p


คำถามที่พบบ่อย

1. ฉีด Skin Booster มีผลข้างเคียงไหม?

การฉีดSkin Boosterได้ผ่านการรับรองความปลอดภัยจาก US FDA และกรมอาหารและยา (อย.) ของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตัวยาของSkin Boosterมีความปลอดภัยสูง ผลข้างเคียงต่ำ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุด คือการเลือกใช้บริการกับคลินิกความงามที่มีมาตรฐาน และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ทำการฉีดให้เท่านั้น

2. ควรฉีด Skin Booster บ่อยแค่ไหน? 

Skin Boosterสามารถอยู่ได้นานเป็นเวลา 3-6 เดือน หากคนไข้พึงพอใจในผลลัพธ์แล้ว ไม่จำเป็นต้องฉีดเป็นประจำ ทั้งนี้ความถี่ในการฉีดSkin Boosterยังขึ้นอยู่กับปัญหาผลของแต่ละบุคคล หากคนไข้มีริ้วรอย ร่องลึก หรือหลุมสิวต่างๆ ค่อนข้างมากอาจจะต้องฉีดSkin Boosterอย่างน้อย 3-5 ครั้งขึ้นไป


ฉีด Skin Booster กับเราดีอย่างไร  

การฉีดSkin Boosterเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเติมวิตามินและสารบำรุงต่าง ๆ ให้กับผิวหน้า ทำให้ผิวกลับมาอ่อนเยาว์ มีความชุ่มชื้น แลดูมีน้ำมีนวล กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว

ใครที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวไม่กระชับ ผิวหย่อนคล้อย รอยแผลเป็น รอยสิว รอยดำ ริ้วรอยเยอะ หรือเป็นผู้ที่มีหลุมสิว Skin Boosterจะช่วยให้ผิวของคุณกลับมาดีขึ้นได้อย่างแน่นอน


Romrawin Clinic พร้อมให้บริการเสริมความงาม
โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในประเทศ

คุณหมอฐา-พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล

คุณหมอฐา-พญ.ฐานิสร ธรรมลิขิตกุล ผู้อำนวยการแห่งรมย์รวินท์คลินิก จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แพทย์หญิงแถวหน้าของเมืองไทยผู้เชี่ยวชาญด้านดูแลผิวพรรณ ที่มุ่งเน้นเสริมความมั่นใจให้กับผู้ที่เข้ารับการบริการ ผ่านแนวคิด “For The Better You สวยในแบบที่เป็นคุณ”  โดยคำนึงถึงปัญหาของคนไข้ และวิธีการรักษาที่ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด คำนึงถึงความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว ปัจจุบันรมย์รวินท์คลินิกมีสาขาถึง 28 สาขา และมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังชั้นนำในประเทศไทย

ปัจจุบันรมย์รวินท์คลินิกมีสาขาถึง 28 สาขา และมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังชั้นนำในประเทศไทย ที่พร้อมเรียนรู้เทรนความงามใหม่ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันอยู่เสมอ

รางวัลการันตีรมย์รวินท์คลินิก

รางวัลการันตีรมย์รวินท์คลินิก
  • Honorary Awards ในงาน HELLO! Beauty Awards 2022 ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความงามและสถานการให้บริการด้านความงามผิวพรรณ รวมถึงการดูแลรูปร่างและสุขภาพด้วยเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน
  • The Most Trusted Botulinum Toxin Treatment Clinic ผู้นำการปรับรูปหน้า ด้วย Botulinum Toxin ตอกย้ำความเป็นในงาน Hello! Beauty Awards 2022
  • Top Allergan Aesthetics Valued Customer 2020 Body Contouring
  • Excellent Allergan Aesthetics Valued Customer 2020 
  • The Thailand Top Achiever for Ultheraphy TDs. : รางวัลยอดใช้ Ultheraphy TDs. สูงสุดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย
  • The Platinum Award for Merz German Toxin : รางวัลยอดใช้ Xeomin สูงสุดในไทย ระดับแพตทินั่ม
  • The Platinum Award for Merz Swiss Filler : รางวัลยอดฉีด Swiss Filler สูงสุดในไทย ระดับแพตทินั่ม
  • The Thailand To Achieve for Ultherapy, German Toxin, Swiss Filler
  • The Thailand Fastest Growth for Merz 2020
  • ICONIC ULTHERAPY TREATMENT 2018 จากนิตยสารแพรว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือปรึกษาปัญหากับแพทย์
ได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
แชร์บทความนี้

Related Posts