ยกกระชับใบหน้า
HIFU ยกกระชับหน้าได้จริงหรือไม่

HIFU คืออะไร? อันตรายไหม ยกกระชับหน้าได้จริงหรือไม่ ทำได้กี่แบบ

Hifu (ไฮฟู่) ดีไหม? ช่วยอะไรได้บ้าง? hifu 100 shot เห็นผลไหม? คุณกำลังมีปัญหาเหล่านี้หรือไม่ !! กรอบหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่คมชัด เนื้อบริเวณแก้มหายไป ร่องใต้ตาดูลึกและโทรม ร่องแก้มชัดขึ้น มุมปากคว่ำลง ถ้าคุณมีอาการตามด้านบนแม้เพียง 1 ปัญหา บ่งบอกถึงความหย่อนคล้อยที่กำลังจะลดความมั่นใจให้คุณ เมื่อวัยย่างเข้าเลข 3 ผิวหน้าของเราจะเริ่มมีความหย่อนคล้อยจนสังเกตได้ 

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยยกกระชับผิว การจะเลือกเครื่องมือหรือวิธีการไหน ขึ้นกับสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคล เทคโนโลยีที่ใช้ช่วยกระชับใบหน้าจะช่วยฟื้นฟูผิวที่ชั้นต่างๆ ซึ่งเครื่องมือยกกระชับผิวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น Hifu



Hifu คืออะไร 

Hifu ยกกระชับ ปรับรูปหน้าเรียว

hifu คือ นวัตกรรมการยกกระชับใบหน้าและร่างกาย โดยมีคุณสมบัติเด่น hifu ช่วยเรื่องยกกระชับใบหน้า ทำให้ผิวเต่งตึง พร้อมกับกระตุ้นการเกิดคอลลาเจน จึงช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวหน้ากลับมาดูอ่อนกว่าวัยได้อีกครั้ง

Hifu ย่อมาจาก High Intensity Focus Ultrasound เป็นเครื่องมือยกกระชับผิว ที่มีหลักการทำงานโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ ที่พัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ โดยยิงเข้าไปใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น เพื่อทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัวเสมือนกับการเย็บที่เนื้อ ซึ่งเป็นการดึงหน้า ส่งผลให้ผิวดูยกกระชับและอ่อนเยาว์มากขึ้น ที่สามารถใช้ได้บนบริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน และต้นขา เพิ่มความกระชับให้ผิวหน้าและสัดส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยคืนความสดใส กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้น จึงช่วยลดริ้วรอย และกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนใส และเนียนนุ่มขึ้น อย่างเป็นธรรมชาติ 


หลักการทำงานของ Hifu เป็นอย่างไร

พลังงาน Hifu
ค่าพลัง Hifu
ระดับค่าพลัง Hifu

สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่กระชับ แล้วอยากลองทำ HIFU แต่ยังไม่มั่นใจว่าดีจริงไหม ? หรือยังไม่รู้ว่า hifu คือเทคโนโลยีอะไรกันแน่ ? เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนทำ คุณสามารถหาคำตอบได้ที่นี่เลยค่ะ

HIFU เทคโนโลยีอัลตราซาวยกกระชับผิวชั้น HIFU นั้นสามารถทำได้ทั่วทั้งใบหน้า รวมไปถึงต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง โดยจำนวนช็อตของการทำจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาค่ะ ซึ่งการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวหนัง โดยใช้พลังงานคลื่นอัลตร้าซาวนด์สามารถทำ hifu ทั่ว หน้า และทุกบริเวณบนร่างกาย โดยมีบริเวณที่นิยมดังนี้

  • hifu หน้าผาก ใบหน้า เพื่อกระชับผิวหน้า เก็บกรอบหน้าให้กระชับขึ้น
  • hifu คอ เหนียงใต้คาง ช่วยลดไขมันสะสม และผิวใต้คางที่หย่อนคล้อย
  • hifu รอบดวงตา ช่วยลดความหย่อนคล้อย ลดถุงใต้ตา กระชับผิวเปลือกตา
  • hifu แขน ช่วยลดไขมัน กระชับผิวบริเวณแขน

โดย hifu คือเครื่องผลิตคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเข้มข้นสูงและเฉพาะเจาะจง ( Focused Ultrasound ) ที่เรียกว่า MMFU คือการส่งผ่านพลังงานแบบจุดไมโครแอนด์แมคโครโฟกัส ลงไปใต้ผิวหนังชั้นลึก ยังตำแหน่งความลึกที่ต้องการได้อย่างจำเพาะเจาะจง ( Selective delivery of acoustic energy depth ) ซึ่งสามารถลงลึกถึงชั้นรอยต่อของชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนคือชั้น SMAS นั่นเองค่ะ

กระบวนการทำงานของ HIFU มีดังนี้

  • HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับผิว โดยทำการส่งผ่าน “คลื่นโฟกัสอัลตราซาวน์”ลงไปในผิวชั้นลึกอย่างเจาะจง เพื่อทำลายคอลลาเจนเก่าที่เสื่อมสภาพ พร้อมกับทำการกระตุ้นร่างกายให้สร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวเกิดการยกกระชับนั่นเองค่ะ
  • MMFU คือ เทคโนโลยีการปล่อยพลังงาน 2 รูปแบบคือ Micro  Focused Ultrasound  ลงสู่ชั้นใต้ผิวหนัง จึงทำให้เกิดเป็นความร้อนจุดเล็กๆ ด้วยระดับ 65-70 องศาเซลเซียส โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5-1 มิลลิเมตรที่ชั้นผิวหนังที่ต้องการรักษา ซึ่งคลื่นโฟกัสอัลตราซาวน์ไฮฟู่ สามารถลงถึงชั้นรอยต่อของชั้นกล้ามเนื้อส่วนบนหรือที่เรียกว่าชั้น SMAS ซึ่งเทคโนโลยีอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถทำได้ ยกเว้นการผ่าตัดทำศัลยกรรม และเทคโนโลยีอัลเทอร่า Ulthera และ เทอร์มาจ Thermage ที่สามารถปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง ลงสู่ใต้ชั้นผิวจนกลายเป็นความร้อนจากคลื่นที่สามารถสลายไขมันส่วนเกิน อีกทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยกระชับสัดส่วนของร่างกายบริเวณที่รักษาได้นั่นเองค่ะ

ผลลัพธ์ของ Hifu 

การทำไฮฟู่ Hifu ไม่ใช่การผ่าตัด ผลลัพธ์จะไม่ถาวร คนไข้จำเป็นต้องทำซ้ำต่อเนื่องเพื่อคงสภาพ หลังการทำครั้งแรกแนะนำให้มายิงซ้ำเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ซึ่งตัวเครื่องไฮฟู่จะส่งพลังงานลงไปจนทั่วใบหน้าทั้ง 3 ความลึก ได้แก่ ความลึก 13 มิลลิเมตร 4.5 มิลลิเมตร และ 3 มิลลิเมตร ซึ่งในบางกรณี อาจมีการใช้จำนวนช็อตมากหรือน้อยกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้แต่ละท่าน แต่ในความเห็นแพทย์ ควรจะได้รับปริมาณช็อตที่พอเหมาะทั่วใบหน้า จึงจะเห็นผลลัพธ์ได้เต็มที่ และอยู่ได้ตามระยะเวลาที่เหมาะสมค่ะ สำหรับใครที่ยังไม่มั่นใจว่าปัญหาใบหน้าของเราควรใช้เทคนิคไหนในการปรับรูปหน้า หรือแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยดีกว่ากัน สามารถสอบถามขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าโดยเฉพาะ  ที่รมย์รวินท์ คลินิก ทุกสาขา ได้โดยตรงเลยนะคะ หรือสอบถามข้อมูลในส่วนของ hifu ราคา หรือ โปร hifu ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. ได้เช่นกันเลยค่ะ

Hifu อันตรายไหม? 

หลักการทำงานในการยกกระชับผิวของ Hifu นั้นใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่ถูกพัฒนามาจากการอัลตร้าซาวด์ดูครรภ์ทางการแพทย์ ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก (เพราะการทำไฮฟู่ คือคลื่นเสียงความถี่สูง ไม่ใช่ laser และไม่ใช่คลื่นแสงค่ะ) ซึ่งคลื่นนี้ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา ดังนั้นจึงสามารถเน้นบริเวณใต้ตาและรอบดวงตาให้ยกกระชับได้โดยตรง ด้วยเทคนิคพิเศษของแพทย์ที่รมย์รวินท์ คลินิก ทำให้การทำไม่เจ็บและเห็นผลชัดเจน

Hifu ใช้เวลานานเท่าไรถึงจะเห็นผล?

การปรับรูปหน้าด้วย HIFU จะใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที โดยจะมีขั้นตอนดังนี้ 

  1. การทำความสะอาดใบหน้า 
  2. การทาเจลอัลตร้าซาวนด์
  3. แพทย์ทำการรักษาด้วย Hifu
  4. ทำความสะอาดใบหน้า
  5. ทาครีมบำรุงและครีมกันแดด

สำหรับการยกกระชับหน้า hifu โดยทั่วไปนั้น หลังจากรับการรักษาสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที 30%  และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ภายใน 1 เดือน เนื่องจากผิวจะค่อยๆ สร้างคอลลาเจนขึ้นมาภายใน 3 สัปดาห์ และผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 3-6 เดือน โดยแพทย์จะพิจารณาและแนะนำให้รักษา 2-3 ครั้งต่อปีค่ะ 


Hifu เหมาะกับใครบ้าง

Hifu (ไฮฟู่) เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าระดับปานกลาง แล้วกลัวเข็ม กลัวเจ็บ มีเวลาน้อย  ช่วงตั้งแต่อายุ 25-35 ปี เป็นต้นไปและผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้าหรือทำแนวคิ้วให้ยกขึ้น ลดเหนียงใต้คางหรือคางสองชั้น ซึ่งผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับอย่างเป็นธรรมชาติ และเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้

  • ผู้ที่มีปัญหาผิวใบหน้าหย่อนคล้อย
  • ผิวไม่กระชับ มีริ้วรอย เช่น ร่องใต้ตา ร่องแก้ม
  • ผู้ที่ต้องการกรอบหน้าชัด ลดเหนียง
  • ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวสวย โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด
  • ผู้ที่ต้องการคงความอ่อนเยาว์ ให้กับใบหน้า

ซึ่งข้อดีของการยกกระชับหน้า hifu ไม่ใช้เข็ม จึงไม่เกิดรอยเข็มหรือรอยช้ำหลังการรักษา และสามารถทำกิจวัตรประจำวันต่างๆหลังการรักษาได้ตามปกติไม่ต้องพักฟื้นเลยค่ะ

สำหรับ hifu ผลข้างเคียง นั้นมีน้อยมาก เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีการยกกระชับผิวอื่นๆ หากใช้เครื่องมือที่ได้มาตรฐานและทำหัตถการโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์การรักษา เนื่องจากการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน พลังงานของเครื่องไม่เสถียร อาจมีผลไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหลังการรักษาได้นั่นเองค่ะ 


Hifu มีกี่แบบ

ในปัจจุบันนี้ เครื่อง Hifu (ไฮฟู่) สามารถพบได้ในคลินิกเสริมความงามทั่วไป แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเครื่องแบบไหนดี และได้มาตรฐาน เรามาทำความรู้จักกับเครื่อง Hifu (ไฮฟู่) พร้อมกับหาคำตอบว่า Hifu มีกี่แบบ ? แล้วควรทำ hifu ที่ไหนดี ?

ปัจจุบันเครื่อง Hifu นั้นแบ่งออกได้ 4 ประเภท โดยจะแบ่งตามพลังงาน, ตามชนิดของหัวยิง, ตามประเทศผู้ผลิต และแบ่งตามยี่ห้อ เพื่อให้เข้าใจง่ายหมอจะอธิบายแบบสั้น ๆ ดังนี้ค่ะ

1. รูปแบบ Hifu แบ่งตามพลังงาน

จะส่งพลังงานเป็นจุดขนาด 0.5 mm. ไปจนถึง 1 mm. ค่ะโดยจะมีพลังงานคงที่ มีลักษณะคล้ายจุดไข่ปลาเล็ก ๆ เรียงกันเป็นเส้นตรงใต้ผิว เมื่อยิงลงไปจะทำให้เกิดการหดของเนื้อเยื่อตามทิศทางของเส้น หมอสามารถออกแบบ Vector ในการยิง ยิงเรียงเป็นเส้นตรงเพื่อยกกระชับผิวตามแนวที่ต้องการได้ ซึ่งจะมีพลังงานความร้อนอยู่ที่ 60°C-70°C โดยไม่ทำให้ผิวชั้นบนร้อน ไม่ทำให้ผิวไหม้ค่ะ

2. รูปแบบ Hifu แบ่งตามชนิดของหัวยิง Hifu

สามารถยิงได้ทุกบริเวณที่เราต้องการให้ผิวยกกระชับขึ้น โดยจะมีหัวที่ยิงหลากหลายตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้นๆ

  • หัวยิงความลึก 1.5-2.0 mm ใช้กับผิวชั้นบน ช่วยเรื่องริ้วรอย ร่องลึกในระดับที่ไม่ลึกมาก
  • หัวยิงความลึก 3.0 mm ใช้กับผิวชั้นกลาง ช่วยลดไขมันและเซลลูไลท์ กระชับใบหน้า ลดความหย่อนคล้อยของผิว
  • หัวยิงความลึก 4.5 mm ใช้กับผิวชั้น smas ที่ปกติจะใช้ผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ สามารถยกแก้ม เหนียง และลำคอได้

3. รูปแบบ Hifu แบ่งตามประเทศผู้ผลิต

ปัจจุบันเครื่อง Hifu ผลิตจากหลายประเทศเลยค่ะ ที่นิยมมากที่สุดคือของอเมริกา เพราะเป็นเครื่อง Original รุ่นแรกของโลก ที่ได้รับการรับรองว่ามีความปลอดภัย ผ่านมาตรฐานจากยุโรป รองลงมาจะเป็นเครื่องของเกาหลี และจีนตามลำดับค่ะ

แต่ส่วนใหญ่คลินิกเสริมความงามทั่วไปมักจะใช้เครื่องที่ผลิตจากประเทศจีน เพราะเป็นเครื่องที่มีราคาถูกหน้าตาของเครื่อง Hifu จากจีนจะคล้ายๆ เครื่อง Ulthera ซึ่งหลังใช้แล้วมีโอกาสเสี่ยงหน้าเบิร์น หน้าไหม้ เป็นแผลในปากได้ เพราะพลังงานของเครื่องไม่เสถียร ไม่สม่ำเสมอค่ะ

4. รูปแบบ Hifu แบ่งตามยี่ห้อ

เครื่อง Hifu มีหลายยี่ห้อและมีหลายเกรดค่ะ ถ้าไล่ตามลำดับ ยี่ห้อที่ดีที่สุดคือ Ultraformer III และยี่ห้ออื่น ๆ เช่น exilis, smazlift, sygmalift … ไปจนถึง Hifu เกรดต่ำลงไปอีกหลายยี่ห้อเลยค่ะ ซึ่งเมื่อเทียบ Ultraformer III กับ Hifu ยี่ห้อธรรมดาแล้ว Hifu ยี่ห้อธรรมดาจะ focus จุดขนาดเล็ก 0.3-0.5 mm นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ Hifu ธรรมดาไม่สามารถทำก้อนพลังงานขนาดใหญ่ได้เพราะ ประสิทธิภาพของเครื่องต่ำ เมื่อทำ focus ใหญ่ การส่งค่าพลังงานจะไม่คงที่และมีความเสี่ยงที่จะทำให้ผิวไหม้ได้ค่ะ


เครื่องทำ Hifu เทคโนโลยี Ultraformer III

เครื่องทำ Hifu เทคโนโลยี Ultraformer III

Ultraformer III คือ 

Ultraformer III คือเครื่องทำไฮฟู่ Hifu โดยเทคโนโลยีช่วยกระชับผิวหน้า และสลายไขมันใต้ชั้นผิว ถือเป็นเครื่องรุ่นที่ดีที่สุดรองจาก Ulthera ที่สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึงชั้น SMAS ที่เป็นชั้นสำหรับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า โดยสามารถส่งพลังงานลงสู่ใต้ผิวทุกระดับชั้น เเละผลิตคลื่นเสียงความถี่สูงที่มีความเข้มข้นสูง มีความปลอดภัยไม่กระทบต่อผิวหนัง ไม่มีแผลหลังการรักษา และไม่ต้องพักฟื้น โดยมีหัวยิงหลายหัว เพื่อให้แพทย์เลือกใช้จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละระดับชั้นผิว ดังนี้

  • Ultraformer III หัวยิงความลึก 1.5-2.0 mm ใช้กับผิวหนังชั้นบน ช่วยเรื่องริ้วรอย ร่องลึกในระดับที่ไม่ลึกมาก เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา หว่างคิ้ว และหน้าผาก
  • Ultraformer III หัวยิงความลึก 3.0 mm ใช้กับผิวหนังชั้นกลาง ช่วยลดไขมันและเซลลูไลท์ กระชับใบหน้า กระตุ้นคอลลาเจนบริเวณแก้ม ลดความหย่อนคล้อยของผิว
  • Ultraformer III หัวยิงความลึก 4.5 mm ใช้กับผิวหนังชั้น SMAS ที่ปกติจะใช้ผ่าตัดดึงหน้าให้กระชับ ช่วยยกแก้ม เหนียง ลำคอ และเก็บกรอบหน้า

ล่าสุดทางรมย์รวินท์ คลินิก ของเราได้มีหัวยิงพิเศษ Cherry Pink หัวยิงความลึก 2.0 mm ที่มีการปรับรูปทรง narrow shape เล็ก เรียว บาง ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากขึ้น ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอยทั่วใบหน้า ยกคิ้ว ยกหนังตาตก แก้ปัญหาร่องแก้ม ด้วย Technology MF2 Macro Focus Ultrasound ที่ให้พลังงานสะสมได้สูงถึง 8 เท่า ได้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้น เห็นผลเร็ว และเจ็บน้อยลง โดยหัวยิงพิเศษ Cherry Pink จะสามารถใช้ได้กับเฉพาะเครื่อง Hifu Ultraformer III เท่านั้นค่ะ

Ultraformer III เหมาะกับใคร ?

สำหรับเครื่อง Ultraformer III นั้นมีจุดเด่นในเรื่องการยกกระชับ และช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 20 – 30 ปี ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยบริเวณ ใบหน้า ลำคอ หน้าอก คิ้วตก หนังตาตก ขอบตาล่างหย่อน แก้มหย่อน มีร่องแก้ม ตีนกา หรือถุงใต้ตา โดยสามารถเริ่มทำ Ultraformer III ได้ตั้งแต่ตอนที่อายุน้อยหรือมีริ้วรอยไม่มากค่ะ ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนตั้งแต่ทำครั้งแรกในช่วง 3 เดือน และอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน และในของราคาที่ถูกกว่า Ulthera และ Thermage ค่ะ 


บริเวณที่สามารถทำ Hifu ได้

สำหรับผู้หญิงและผู้ชายที่มีริ้วรอยบนใบหน้าระดับปานกลาง และอยากมีใบหน้าเด็กอยู่เสมอ ตั้งแต่ช่วงอายุ 25-35 ปี แล้วต้องการจะทำ hifu แต่ก็ไม่รู้ว่าสามารถทำ Hifu ได้บ้าง ? ที่รมย์รวินท์มีคำตอบค่ะ

จริงๆ แล้วการทำ Hifu (ไฮฟู่) นั้นสามารถทำได้ทั่วทั้งร่างกายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการลดเหนียง เก็บกรอบหน้า ยกกระชับผิว ลดริ้วรอย ลดร่องใต้ตา ลดร่องแก้ม โดยสามารถปรับเปลี่ยนหัวยิงได้ตามวิจารณญาณของแพทย์ค่ะ

บริเวณที่สามารถทำ Hifu ได้

1. Hifu บริเวณใต้ตา หางตา

อย่างที่เราได้บอกไว้ในข้างต้นเเล้วว่า HIFU ใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว จึงมีความปลอดภัยและสามารถทำเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง ดังนั้นการแก้ปัญหา คิ้วตก หนังตาตก ด้วยการทำ Hifu จะดูเป็นธรรมชาติ ตาไม่แข็ง และยังทำให้ริ้วรอยบริเวณโดยรอบจางลงได้อย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วยค่ะ

2. Hifu บริเวณเหนียง

สำหรับการทำ Hifu เหนียง เป็นการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ที่ถูกโฟกัสการปล่อยเฉพาะจุด โดยลงลึกถึงชั้น SMAS เหนือกล้ามเนื้อชั้นเดียวกับที่ผ่าตัดดึงหน้า  ทำให้เกิดการหดตัวที่ชั้น SMAS ให้เล็กลงคล้ายการเย็บเนื้อ แต่ละเอียดกว่าร้อยไหม 

3. Hifu บริเวณร่องแก้ม

Hifu บริเวณร่องแก้ม หรือ Hifu ลดแก้ม ถือว่าเป็นบริเวณที่นิยมที่สุด เพราะสามารถยกแก้ม ลดไขมันแก้ม ยกแก้มที่หย่อน พร้อมเก็บกรอบหน้าให้หน้าเรียววีเชฟ พร้อมกับกระตุ้นร่างกายให้สร้างคอลลาเจนใหม่ที่แข็งแรง ส่งผลให้ผิวยกกระชับขึ้นได้ดีกว่าการร้อยไหมนั่นเองค่ะ  

4. Hifu บริเวณใบหน้าและลำคอ

ในการทำ Hifu บริเวณใบหน้าและลำคอพร้อมกันนั้น สามารถทำได้ทั่วบริเวณใบหน้าตั้งแต่ คอ เหนียง ร่องแก้ม ร่องปาก รอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา หน้าผาก และกรอบหน้า โดยสามารถจับคู่เฉพาะจุด ระยะเวลาในการทำจุดละ 20 นาทีค่ะ 

  • คอ + เหนียง 
  • แก้ม + เหนียง 
  • ใต้ตา + ร่องแก้ม  
  • ทั่วหน้า + ต้นแขน  
  • ทั่วหน้า + คอ + ต้นขา  
  • ร่องมุมปาก + กรอบหน้า
  • ริ้วรอยบนหน้าผาก + เปลือกตาบน + เปลือกตาบน 

5. Hifu ทั้งตัว

การทำ Hifu นั้น สามารถยิงได้ทุกบริเวณที่เราต้องการให้กระชับขึ้นค่ะ โดยจะมีหัวที่ยิงหลากหลายตามระดับความลึกของผิวในบริเวณนั้นๆ จุดที่ยิงแล้วเห็นผลชัดเจนแยกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ค่ะ

  • Hifu ใบหน้า บริเวณที่นิยม : เหนียง, คอ, ร่องมุมปาก, ร่องแก้ม, พวงแก้ม, ใต้ตา, หน้าผาก, เปลือกตาบน, และกรอบหน้า
  • Hifu ร่างกาย บริเวณที่นิยม : ต้นแขน, ต้นขา, เอว, หน้าท้อง, และสะโพก

ข้อดีของการทำยกกระชับ Hifu 

หัวยิง ifu

ข้อดีของการทำ Hifu คือผู้ที่ทำจะเริ่มเห็นว่ามีริ้วรอยเล็กน้อย สามารถทำได้บ่อยครั้ง หลังการทำ Hifu สามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้ ผู้ที่เข้ารับการทำจะมีสภาพผิวดีขึ้น ลดปัญหาผิวเหี่ยวย่นและหย่อนคล้อย เนื่องจากคอลลาเจนที่สร้างใหม่ มีความยืดหยุ่นและเพิ่มจำนวนมากขึ้น และข้อดีของการรักษาด้วย HIFU ดังนี้

  •  ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด
  •  ไม่มีรอยแดงช้ำ
  •  ไม่ต้องรอการพักฟื้นนานๆ
  •  มีความปลอดภัยต่อผิวสูง ไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก
  •  ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยและสลายไขมันได้บางส่วน
  •  ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถช่วยเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง
  •  ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ Hifu ยังสามารถทำการรักษาอย่างอื่นอีกได้

Hifu อันตรายไหม?

ทำไฮฟู่ Hifu อันตรายไหม? ทำไมใครๆ ก็ทำ HIFU ถ้าพูดว่า “ไฮฟู หรือ ไฮฟู่” เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงได้ยินหรือเห็นผ่านตากันมาแล้ว เพราะในเรื่องการยกกระชับใบหน้า ไม่ว่าจะคลินิกไหนๆ ก็มีเจ้าเครื่องนี้ ซึ่งบางคนอาจเคยหาอ่านข้อมูลมาบ้าง แต่ยังไม่เคยได้ลองทำจริงๆ ด้วยสรรพคุณข้อดีของ HIFU ที่มีอยู่หลากหลาย ทำให้หน้าเรียวยกกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องใช้เข็มฉีดสารเคมีใดๆ เข้าสู่ผิว ราคาไม่แรง และมีความปลอดภัยสูงค่ะ


ทำ Hifu ที่ไหนดี? 

ถ้ามีใครถามว่าทำ hifu ที่ไหนดี ก็ต้องตอบว่าทำที่รมย์รวินท์คลินิกซิดี! เพราะเรามีโปรเเกรม SUPER HIFU ตอบโจทย์ของคนอยากหน้าเรียว ด้วยนวัตกรรมยกกระชับผิวของทางรมย์รวินท์คลินิก Romrawin Clinic ไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น และเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่รับบริการ 

  • ผิวกระชับ 
  • กรอบหน้าชัด V – Shape  
  • ลดเหนียง 
  • ผิวเนียนละเอียด 
  • ลดริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้น

ก่อนทำ Hifu ควรรู้อะไรบ้าง  

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนทำ Hifu เพื่อเตรียมผิวให้พร้อม หลีกเลี่ยงความร้อนก่อนเข้ารับการทำ ไฮฟู่ ( HIFU ) ควรเตรียมผิวให้พ้นจากการปะทะแสงแดดโดยตรง เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อม ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

  • งดเว้นการเลเซอร์บริเวณผิวที่ต้องการทำไฮฟู่ ( HIFU ) อย่างน้อย 3-5 วัน
  • งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • งดรับประทานยากลุ่มแอสไพริน วิตามินต่าง ๆ อย่างน้อย 1 สัปดาห์  

หลังทำ Hifu ควรดูแลตนเองอย่างไร 

การดูแลตัวเองหลังการทำไฮฟู่ HIFU เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกทำลายของคอลลาเจนที่เกิดขึ้นและกำลังฟื้นฟูของผิวมีดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • ใช้ครีมกันแดดที่มีค่าป้องกันที่สูง
  • งดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
  • งดขัดหน้า นวดหน้า หรือถูใบหน้าอย่างรุนแรง

Hifu มีผลข้างเคียงไหม

การทำไฮฟู่ hifu นั้น ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ ที่ร้ายแรงค่ะ เพราะไม่มีบาดแผล มีความปลอดภัยสูง หลังทำสามารถแต่งหน้า ล้างหน้าได้ตามปกติ


Hifu ไม่เหมาะกับใครบ้าง

จริงๆ แล้วไฮฟู่ hifu เหมาะสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย อยากมีใบหน้าที่กระจ่างใส อ่อนกว่าวัย ขาดความกระชับ กลัวเข็มหรือการผ่าตัดแต่ต้องการปรับรูปหน้า แต่สำหรับคนท้อง สตรีตั้งครรภ์ ไม่แนะนำนะคะ ควรรอคลอดก่อนดีกว่าค่ะ


Hifu / Ulthera /thermage ต่างกันยังไง

ปัจจุบันมีเทคนิคการยกกระชับผิวนั้นมากมายหลายรูปแบบให้ผู้เข้ารับบริการเลือกใช้ ทั้ง Hifu กับ Ulthera และ Thermage โดยเป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าโดยการส่งคลื่นพลังงานไปยังชั้นผิวเช่นกัน แต่ได้ผลลัพธ์ที่ต่างกัน แล้วเครื่องไหนเหมาะกับคุณกันเเน่ล่ะ?  

Hifu (ไฮฟู่) : ถือเป็นเทคโนโลยีกระชับผิวยอดนิยม ด้วย Focused Ultrasound มีข้อดี คือ เจ็บน้อย ช่วยให้ผิวยกกระชับขึ้น กระชับแก้ม ยกคิ้ว ยกตา เก็บเหนียงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละคน ข้อดีของ HIFU คือ ทำบ่อยๆ ได้ โดยใช้หัวที่ยิงพลังงานชั้นตื้น ช่วยให้ผิวหน้าฟูเรียบเนียน นอกจากนี้ยังมีเลเซอร์กลุ่มที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในผิวชั้นตื้น โดยเลเซอร์กลุ่มนี้จะส่งผ่านพลังงานไปที่ชั้นผิวส่วนบน เพื่อเน้นไปที่การฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอยจางๆ ทำให้ผิวเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น

  • Hifu เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าระดับปานกลาง ตั้งแต่ช่วงอายุ 25-35 ปี ผู้ที่ต้องการลดเหนียง เก็บกรอบหน้า ผิวยกกระชับ
  • ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 6-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาสภาพผิวของแต่ละบุคคล

Ulthera (อัลเทอร่า) : เครื่องมือยกกระชับผิวที่เที่ยงตรงและมีความปลอดภัยมากที่สุด เป็นที่นิยมในปัจจุบัน มีการยกกระชับผิวด้วยคลื่น Ultrasound หรือ โปรแกรม Ultherapy เน้นส่งผ่านพลังงานลงไปที่ชั้น SMAS หรือชั้นพังผืดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นระดับชั้นผิวเดียวกับที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า โดยเน้นกระตุ้นไปที่เซลล์ของชั้นผิวหนัง SMAS ให้หดตัวจนเกิดการสร้างเนื้อเยื่อและคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ เหมาะกับคนที่มีปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ต้องการให้ผิวยกขึ้น ข้อดีของโปรแกรม Ultherapy หรือ Ulthera จะเป็นเครื่องมือเดียวที่มีหน้าจอแสดงผล ทำให้แพทย์ที่ทำการรักษา สามารถมองเห็นชั้นผิวที่มีปัญหาในขณะที่ทำการรักษา ดังนั้นแพทย์จึงสามารถปรับจูนคลื่นเสียงให้เหมาะสมกับสภาพผิวหนังของผู้เข้ารับการรักษาแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ก่อให้เกิดบาดแผล 

  • Ulthera เหมาะกับผู้ที่มีช่วงอายุ 35-60 ปีมีหางคิ้วหรือหางตาตก ผู้ที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างชัดเจน ยกกระชับลำคอที่หย่อนคล้อยให้เต่งตึงดูอ่อนกว่าวัย
  • ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

Thermage (เทอร์มาจ) : เครื่องมือกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency ) หรือ โปรแกรม Thermage โดยคลื่นความถี่วิทยุจะส่งพลังงานลงไปใต้ชั้นผิวบริเวณชั้นไขมัน มีการกระจายพลังงานเป็นกลุ่มก้อน เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน โดยเน้นไปที่การฟื้นฟูเส้นใยอิลาสตินให้หดตัว และจะช่วยกระตุ้นปริมาณคอลลาเจนตามธรรมชาติให้เพิ่มมากขึ้น ความร้อนจากคลื่นวิทยุยังช่วยสลายไขมันใต้ผิวบางส่วน ผลที่ได้คือ ผิวแน่น เฟิร์ม หดกระชับ ผิวตึงขึ้น เรียบเนียน เด้งมากยิ่งขึ้น เก็บแก้มเก็บเหนียงให้เล็กลง ใบหน้าดูเรียวได้รูปยิ่งขึ้น 

  • Thermage เหมาะกับผู้ที่ต้องการเน้นการลดเลือนริ้วรอยและการเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวโดยเทอร์มาจให้ผลดีมากกว่าไฮฟูและอัลเทอรา    
  • ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี

[elementor-template id="15452"]

Related Posts