
ผิวเนียนใส ไร้หลุมสิว ใครๆ ก็อยากมี
____ในยุคที่ Beauty Standard มีความสำคัญพอๆกับการดูแลสุขภาพ ถึงแม้จะมีแอพพลิเคชั่นมากมายทั้ง Meitu ทั้ง Perfect App ที่สามารถช่วยให้คุณรอดและปัง ไม่พังได้ แต่การทำให้ผิวจริงๆ ไม่บ้งก็ยังคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจำเป็น และปัญหาที่ใหญ่และพบได้มากที่สุดของการทำให้ผิวเนียนใสเลยคือเรื่องของ ‘สิว’
____สิว นอกจากเป็นสาเหตุความเสี่ยงทางด้านสุขภาพที่รุนแรงแล้ว ก็สร้างผลกระทบอย่างมากต่อความสวยความหล่อของคนได้เช่นกันรอยแผลหลังจากการเป็นสิวเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้คุณหมดความมั่นใจได้บทความนี้จึงอยากพาคุณมารู้จักกับรอยแผลเป็นจากสิวชนิดต่างๆ และวิธีการดูแลรักษามัน
หัวข้อ… ผิวเนียนใส
ชนิดของแผลเป็นที่เกิดจากสิว
____สิวส่วนใหญ่จะทิ้งไว้เพียงรอยแดงหรือน้ำตาลจางๆเมื่อสิวยุบลงไป แต่สิวที่เป็นหนักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวหัวช้าง มักทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ รอยแผลเหล่านี้มักเกิดเมื่อคุณบีบหรือ แกะสิวแทนที่จะรักษาหรือปล่อยให้มันยุบไปเอง แผลสิวเหล่านี้สามารถรักษาได้ขึ้นอยู่กับชนิดของมัน

- Atrophic Scars (แผลหลุมสิว)
คือ แผลหลุมสิว เกิดจากการที่สารคอลลาเจนในชั้นผิวหนังถูกทำลายจนทำให้เกิดเป็นหลุมสิว มักเกิดต่อจากสิวหัวช้างที่รุนแรง แต่สิวชนิดอื่นๆก็สามารถเป็นสาเหตุได้เช่นกัน ลักษณะของหลุมสิวสามารถต่างกันไปแล้วแต่ความเป็นมาของสิวนั้น
____- Ice Pick Scars (หลุมจิก)
คือรอยสิวแบบจุดหลุมลึกที่มักเกิดขึ้นบริเวณแก้ม มีลักษณะลึกและแคบ และมีความรุนแรงมากที่สุด โดยหลุมสิวจะมีความลึกมากกว่า 2 มม. และมีก้นหลุมที่แหลมลึกลงไปในผิว หลุมสิวชนิดนี้มักยากที่จะรักษาและต้องใช้การรักษาที่ต่อเนื่องและเข้มข้น
____ - Rolling Scars (หลุมแอ่งกระทะ)
คือหลุมสิวแบบคลื่น เป็นชนิดหลุมสิวที่รุนแรงน้อยที่สุด มีลักษณะเป็นหลุมกว้างประมาณ 4-5 มม. แต่จะมีก้นหลุมที่ตื้นกว่าหลุมจิก
____ - Boxcar Scars (หลุมกล่อง)
คือหลุมสิวแบบกล่อง มีลักษณะรอยหลุมสิวที่กว้างและมีขนาดใหญ่ประมาณ 3-4 มม. ที่ก้นหลุมสิวจะกว้างกว่าหลุมจิก โดยจะสามารถมองเห็นขอบหลุมได้ชัดเจน มักจะเกิดบริเวณกรามซึ่งผิวจะค่อนข้างหนา สามารถรักษาได้โดยการใช้ยาควบคู่กับการรักษา
- Ice Pick Scars (หลุมจิก)
- Hypertrophic and Keloid Scars (แผลเป็นนูนและแผลเป็นคีรอยด์)
เป็นรอยแผลเป็นที่นูนขึ้นมาจากผิวหนังตรงจุดที่สิวเคยอยู่ แผลเป็นนูนจะมีขนาดเท่ากับสิวที่เป็นสาเหตุของมัน ในขณะที่แผลเป็นคีรอยด์จะมีขนาดใหญ่กว่าสิวและกินพื้นที่ออกไปกว้างกว่าที่เป็นอยู่เดิม แผลชนิดนี้มักเกิดบริเวณกราม หน้าอก หลัง และไหล่ และมักเกิดมากกว่าในคนที่มีผิวเข้มกว่า
การรักษาหลุมสิว
____เมื่อรู้จักชนิดของแผลเป็นสิวแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะมาดูวิธีการรักษา ก่อนทำการ รักษาหลุมสิว ทุกครั้ง จำเป็นต้องรู้ถึงระดับความรุนแรงของหลุมสิวที่เกิดขึ้นก่อนว่ามีความมากน้อยเพียงใด เพราะหากมีปัญหาเล็กน้อย ก็สามารถรักษาด้วยการทายา ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ AHA ได้ แต่ไม่ควรใช้ในปริมาณที่มากหรือเข้มข้นมากจนเกินไป เพราะอาจเกิดการระคายเคืองผิว อาการแสบร้อน หรือคันบนผิวได้ หรือเข้ารับการบำรุงหน้าด้วยทรีตเม้นต์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว
____แต่หากมีปัญหามาก อยู่ในรับที่การทายาหรือทำทรีตเม้นต์ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทางแพทย์ก็มีตัวช่วยอย่างนวัตกรรมที่ช่วยรักษาหลุมสิว โดยหลักการ คือการเลาะพังผืดที่อยู่ภายใต้ผิวหนังออก จากนั้นทำการกระตุ้นคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูผิว ผลลัพธ์ที่ได้ คือ หลุมสิวตื้นขึ้น หรือจางลง ถึงอย่างไร แม้หลุมสิวจะรุนแรงมากหรือน้อยเพียงใดก็ไม่สามารถรักษาให้หาย 100% ได้
- เลเซอร์รักษาหลุมสิว
สามารถรักษาหลุมสิวทั้ง 3 ประเภทได้ แต่จำเป็นต้องพักฟื้นผิวเป็นเวลานาน และควรหลีกเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากผิวจะหมองคล้ำและเป็นริ้วรอยได้ง่ายกว่าปกติ
____- Fraxel Laser
การยิงเลเซอร์ที่มีอนุภาคขนาดเล็กมากเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่และผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียนขึ้น เป็นการทำเลเซอร์ที่อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ควรทำติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้งจึงจะเห็นผล
____ - eMatrix Laser
เครื่องที่ใช้เทคโนโลยี Fractional Radiofrequency หรือคลื่นวิทยุที่ลงแบบแบ่งส่วน ปัจจุบัน นิยมนำมาใช้ปรับสภาพผิวเพื่อรักษา รอยแผลเป็น แผลเป็นหลุม หลุมสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง
____ - Fractional Laser
การรักษาผิวทีละส่วนโดยใช้แสงเลเซอร์อนุภาคเล็กมากยิงลงไปสู่ผิวหนังเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ผิวฟื้นฟูซ่อมแซมตัวเองและสร้างผิวหนังใหม่ที่แข็งแรงกว่ามาทดแทนผิวเดิม ใช้ได้ดีในการแก้ปัญหาหลุมสิว หลุมแผลเป็น รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน
- Fraxel Laser
- แต้มกรด TCA
ซึ่งกรดที่ใช้อาจมีความเข้มข้นตั้งแต่ 50% 70% และ 100% โดยการแต้มกรดชนิดนี้บนหลุมสิว จะต้องทำโดยแพทย์หรือผู้ที่มีความชำนาญเท่านั้น เพราะหากไม่ระวังหรือใช้ไม่ถูกวิธี อาจได้รับแผลหลุมสิวที่ใหญ่กว่าเดิมได้ โดยระยะในการเห็นผลอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler)
การรักษาหลุมสิว ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) คือ การนำสารไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid) มาฉีดเพื่อเติมเต็มหลุมสิวให้ผิวดูเต็มขึ้น โดยจะเห็นผลว่าหลุมสิวดูตื้นขึ้น 30-70% ทันทีหลังฉีด ข้อเสียคือมันเป็นสารที่เสื่อมสลายไปได้เอง การฉีด 1 ครั้ง จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี เหมาะกับการรักษาหลุมสิวประเภท Rolling scar และ Box scar
____การรักษา “หลุมสิว” สามารถใช้หลายวิธีร่วมกันในการรักษาได้ และอาจต้องใช้จำนวนการรักษาหลายครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของหลุมสิว ใครที่อยากรักษาหลุมสิวตื้นขึ้น ควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกที่เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี นอกจากนี้ก็ควรป้องกันไม่ให้เกิดสิวขึ้นซ้ำซาก เพราะ “สิว” คือต้นเหตุของการเกิดหลุมสิว
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
สามารถปรึกษาเราได้ที่ รมย์รวินท์ คลินิก
???? โทร.080-1539000 และ 080-1549000
???? Line@ : @Romrawinclinic