บทความ
ผิวอ่อนวัย

ผิวอ่อนวัย คืออะไร? มัดรวมวิธีทำให้ผิวอ่อนวัยทำอย่างไรได้บ้าง?

การมีผิวอ่อนวัยเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ แต่เมื่ออายุมากขึ้น ผิวของเราก็จะเริ่มเสื่อมสภาพลงตามธรรมชาติ ซึ่งมาจากการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนังลดลง  ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และขาดความกระชับขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวแห่งวัยตามมา ไม่ว่าจะเป็นผิวหย่อนคล้อย แห้งกร้าน ขาดน้ำ หมองคล้ำ และมีริ้วรอย ร่องลึกที่เห็นได้ชัด วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะพาทุกคนมาเจาะลึกเกี่ยวกับผิวอ่อนวัยว่า ผิวอ่อนวัยคืออะไร? มีลักษณะอย่างไร? พร้อมแนะนำวิธีการดูแลผิวให้อ่อนวัย และแชร์หัตถการผิวอ่อนวัยยอดนิยมสามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้

 

ผิวอ่อนวัยคืออะไร?

ผิวอ่อนวัยคืออะไร?

 

ผิวอ่อนวัยคืออะไร?

ผิวอ่อนวัย คือ ลักษณะของผิวที่มีความเนียนละเอียด กระชับ เต่งตึง อิ่มฟู และดูสุขภาพดีคล้ายผิวของเด็ก เมื่อสัมผัสผิวจะรู้สึกได้ว่า ผิวนุ่มเด้ง ยืดหยุ่นดี และไม่หยาบกร้าน โดยปราศจากความหย่อนคล้อย และไร้ริ้วรอย ร่องลึก ซึ่งลักษณะผิวเหล่านี้มาจากโครงสร้างผิวที่แข็งแรง โดยยังมีเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินในปริมาณที่เหมาะสม รวมถึงผิวยังไม่เกิดการเสื่อมสภาพตามวัย จึงทำให้ผิวยังคงสดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนกว่าวัยอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ

 

ปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย

ปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย

 

ปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย

ผิวแก่กว่าวัยสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายนอก ดังนี้

  • อายุมากขึ้น

อายุมากขึ้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากพออายุเพิ่มขึ้น ผิวหนังก็จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพจากการสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้เกิดการยุบตัวของไขมัน และชั้นกระดูก ส่งผลให้ผิวหน้าดูขาดความยืดหยุ่น ไม่ชุ่มชื้น ไม่เฟิร์มกระชับ และดูแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน

  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย โดยเฉพาะในช่วงที่เข้าสู่วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายจะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อผิวอย่างชัดเจน ทำให้ผิวเริ่มแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และไม่เฟิร์มกระชับเหมือนเดิม

  • ดูแลผิวไม่เหมาะสม

การดูแลผิวไม่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เช่น การล้างหน้าผิดวิธี การใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคืองผิว การไม่ทาครีมกันแดด และการไม่ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวอ่อนแอ ไวต่อการระคายเคือง และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

  • รังสี UV จากแสงแดด

รังสี UV จากแสงแดด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากรังสี UVA และ UVB จะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการสร้างอนุมูลอิสระ และกระตุ้นให้เม็ดสีผิวทำงานผิดปกติ รวมถึงทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวหยาบกร้าน ขาดความยืดหยุ่น ไม่เฟิร์มกระชับ และดูแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน

  • มลภาวะต่าง ๆ 

มลภาวะต่าง ๆ ที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เช่น ฝุ่นละออง ควันพิษ ท่อไอเสีย หรือสารเคมีอื่น ๆ อาจเข้าไปทำลายเกราะป้องกันผิว และกระตุ้นการสร้างอนุมูลอิสระ รวมถึงกระตุ้นการอักเสบ และทำให้เม็ดสีทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ผิวเสื่อมสภาพ อ่อนแอ ระคายเคือง และเกิดจุดด่างดำได้

  • ดื่มน้ำน้อย

การดื่มน้ำน้อย เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากเมื่อร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ผิวก็จะเริ่มสูญเสียความชุ่มชื้น และทำให้กระบวนการผลัดเซลล์ผิวทำงานช้าลง ส่งผลให้เซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพสะสมอยู่บนผิวหนัง รวมทั้งทำให้ผิวแห้งตึง หยาบกร้าน และขาดความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน 

  • พักผ่อนไม่เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากหากนอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ทำให้สารต้านอนุมูลอิสระถูกทำลาย และทำให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวดูโทรม หยาบกร้าน หมองคล้ำ ขาดความยืดหยุ่น และดูแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน

  • เครียดสะสม

การมีความเครียดสะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากเมื่อเราเครียด ร่างกายก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมาในปริมาณมาก ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปยับยั้งการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง รวมทั้งกระตุ้นการอักเสบ และทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงผิวหนังน้อยลง ส่งผลให้ผิวโทรม ไม่สดใส และสูญเสียความยืดหยุ่นอย่างชัดเจน

  • รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง

การรับประทานของหวาน หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากน้ำตาลจะกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ Glycation ซึ่งทำให้คอลลาเจน และอีลาสตินถูกทำลาย รวมถึงเพิ่มการอักเสบในร่างกาย และรบกวนกระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ขาดความกระชับ และระคายเคืองง่าย

  • สูบบุหรี่จัด

การสูบบุหรี่จัด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากสารนิโคตินในบุหรี่จะเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น และทำให้เลือดไหลเวียนได้น้อยลง ส่งผลให้ผิวดูโทรม อักเสบ ขาดความยืดหยุ่น และดูแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน

  • ดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแก่กว่าวัย เนื่องจากแอลกอฮอล์จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระมากขึ้น และทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ ส่งผลให้ผิวแห้งตึง หมองคล้ำ ขาดความยืดหยุ่น และดูแก่กว่าวัยเร็วขึ้น

 

วิธีช่วยให้ผิวอ่อนวัยมีอะไรบ้าง?

วิธีช่วยให้ผิวอ่อนวัยมีอะไรบ้าง?

 

วิธีช่วยให้ผิวอ่อนวัยมีอะไรบ้าง?

การมีผิวอ่อนวัยสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งโดยส่วนใหญ่วิธีที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย มีดังนี้

  • ทำความสะอาดผิวให้ถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวให้ถูกวิธี เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยการล้างหน้าให้สะอาด และใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้าที่อ่อนโยนต่อผิว ไม่มีสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง หรือการแพ้ รวมทั้งไม่ควรล้างหน้าด้วยน้ำร้อนจนเกินไป และไม่ควรถูใบหน้าแรง ๆ 

  • ใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

การเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว และให้ความชุ่มชื้นที่เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิก แอซิด, เซราไมด์, วิตามินเอ, เปปไทด์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือสารอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการแพ้

  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

การทาครีมกันแดดเป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมี PA +++ ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง นอกจากนี้ควรทาซ้ำทุก 2 – 3 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อให้ผิวได้รับการปกป้องอย่างต่อเนื่อง

  • ผลัดเซลล์ผิวสูตรอ่อนโยน

การผลัดเซลล์ผิวสูตรอ่อนโยน เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หรือสครับที่มีเนื้อละเอียด ไม่บาดผิว รวมทั้งควรขัด และถูอย่างเบามือประมาณ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ และสิ่งสกปรกอุดตันออกไป ทำให้ผิวพร้อมรับการบำรุงมากขึ้น

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1.5 – 2 ลิตรต่อวัน เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ เซลล์ผิวก็จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในการขับของเสีย และสารพิษออกจากร่างกาย รวมทั้งลดความหมองคล้ำ และทำให้ผิวดูสดใสจากภายใน

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี เบตาแคโรทีน หรือโพลีฟีนอล เพื่อปกป้องผิวจากการถูกทำลายโดยอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยควรนอนอย่างน้อย 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ และเพิ่มการหลั่ง Growth Hormone ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมความยืดหยุ่น ความกระชับ และความชุ่มชื้นให้กับผิว

  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย โดยควรออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้ง ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ทำให้สารอาหาร และออกซิเจนถูกส่งไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เร่งให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย

  • หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว

การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายผิว เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัย เช่น การโดนแสงแดดเป็นเวลานาน การนอนดึก การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรง อาจเร่งให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย และกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระได้ง่าย

  • ทำหัตถการทางการแพทย์

การทำหัตถการทางการแพทย์ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัยอย่างรวดเร็ว เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดโบ และการทำหัตถการกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวที่บำรุงด้วยสกินแคร์อย่างเดียวไม่เพียงพอ ซึ่งหัตถการเหล่านี้ล้วนช่วยให้ผิวอิ่มฟู เรียบเนียน ชุ่มชื้น และอ่อนกว่าวัยอย่างชัดเจน

 

รวมหัตถการผิวอ่อนวัยยอดนิยม

รวมหัตถการผิวอ่อนวัยยอดนิยม

 

รวมหัตถการผิวอ่อนวัยยอดนิยม

การทำหัตถการทางการแพทย์ เป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัยอย่างชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว โดยหัตถการผิวอ่อนวัยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีดังนี้

 

ผิวอ่อนวัยด้วย Sculptra

  • ส่วนประกอบหลัก : Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่สกัดจากพืช
  • หลักการทำงาน : เมื่อทำการ Sculptra เข้าสู่ผิวหนัง PLLA จะทำหน้าที่ในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว Macrophage ส่งผลให้ผิวจะค่อย ๆ แน่นฟู กระชับ แข็งแรง ยืดหยุ่น และเรียบเนียนขึ้นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • จุดเด่น : สามารถกระตุ้น Collagen Type 1 และฟื้นฟูผิวลึกถึงโครงสร้าง พร้อมทั้งยกกระชับ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ในระยะยาว โดยไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยน
  • ตำแหน่งที่ฉีด : การฉีด Sculptra สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง เช่น หน้าแก้ม โหนกแก้ม ขมับ และกรอบหน้า
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ไม่กระชับ ใบหน้าตอบจากการสูญเสียคอลลาเจน รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ขาดความชุ่มชื้น และรูขุมขนกว้าง
  • ระยะเวลาคงอยู่ : โดยเฉลี่ยแล้วหลังฉีด Sculptra ผลลัพธ์จะคงอยู่นานประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด

 

ผิวอ่อนวัยด้วย Radiesse

  • ส่วนประกอบหลัก : Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบแร่ธาตุในกระดูก และฟัน
  • หลักการทำงาน : เมื่อทำการฉีด Radiesse เข้าสู่ผิวหนัง CaHA จะทำหน้าที่ในการเติมเต็ม และเสริมปริมาตรให้ผิว พร้อมกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวจะค่อย ๆ แข็งแรง แน่นกระชับ ยืดหยุ่น และผิวมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • จุดเด่น : สามารถกระตุ้นการสร้างสารสำคัญที่จำเป็นต่อโครงสร้างผิว ได้แก่ Collagen Type 1, Collagen Type 3, Elastin, Proteoglycan เสริมสร้างความชุ่มชื้น และ Angiogenesis เสริมสร้างหลอดเลือดเล็ก
  • ตำแหน่งที่ฉีด : การฉีด Radiesse สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง ทั้งใบหน้า และลำตัว เช่น หน้าแก้ม ขมับ ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก มุมปาก กรอบหน้า และหลังมือ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดปริมาตร มีริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับจากการสูญเสียคอลลาเจน และใบหน้าตอบ รวมทั้งผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง และมีหลุมสิว
  • ระยะเวลาคงอยู่ : โดยเฉลี่ยแล้วหลังฉีด Radiesse ผลลัพธ์จะคงอยู่นานประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด

 

ผิวอ่อนวัยด้วย Profhilo

  • ส่วนประกอบหลัก : Hyaluronic Acid (HA) ประเภท Non-Crosslinked
  • หลักการทำงาน :  เมื่อทำการฉีด Profhilo เข้าสู่ผิวหนัง HA จะทำหน้าที่ในการกระจายตัวทั่วชั้นผิว พร้อมกระตุ้นกระบวนการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ได้แก่ เซลล์เคราติโนไซต์ (Keratinocytes) กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว, เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และเซลล์ไขมัน (Adipocyte) ฟื้นฟูไขมันที่เสื่อมสภาพ ส่งผลให้ผิวจะค่อย ๆ กระชับ เนียนละเอียด ชุ่มชื้น และกระจ่างใสอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • จุดเด่น : สามารถปรับสมดุลผิว และฟื้นฟูผิวแบบ Bio-Remodeling พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนถึง 4 Type ได้แก่ Collagen Type 1, Collagen Type 3, Collagen Type 4 และ Collagen Type 7 
  • ตำแหน่งที่ฉีด : การฉีด Profhilo สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง ทั้งใบหน้า และลำตัว เช่น ใต้ตา หน้าแก้ม มุมปาก กราม ลำคอ หลังมือ หน้าอก แขน และเข่า
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวไม่กระชับ และหย่อนคล้อยเล็กน้อย รวมถึงผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ขาดน้ำ หมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง และมีหลุมสิว
  • ระยะเวลาคงอยู่ : โดยเฉลี่ยแล้วหลังฉีด Profhilo ผลลัพธ์จะคงอยู่นานประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด

 

ผิวอ่อนวัยด้วย Karisma Rh Collagen

  • ส่วนประกอบหลัก : Collagen Polypeptide a1 Chain R (Rh Collagen) ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่สกัดจากหนอนไหม
  • หลักการทำงาน : เมื่อทำการฉีด Karisma Rh Collagen เข้าสู่ผิวหนัง Rh จะทำหน้าที่ในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยเติมเต็ม เพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว ส่งผลให้ผิวจะค่อย ๆ หนาแน่น กระชับ อิ่มฟู เรียบเนียน และชุ่มชื้นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • จุดเด่น : สามารถฟื้นฟู และปรับปรุงคุณภาพผิว รวมทั้งกระตุ้น Collagen Type 1 พร้อมให้ร่างกายกระตุ้น Collagen Type 2 และ Collagen Type 3 เพิ่มเติม เพื่อให้ได้คอลลาเจนที่สมบูรณ์ในระยะยาว
  • ตำแหน่งที่ฉีด : การฉีด Karisma Rh Collagen สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง ทั้งใบหน้า และลำตัว เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว รอบดวงตา หน้าแก้ม ร่องแก้ม ลำคอ และหน้าอก
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวเริ่มหย่อนคล้อย และไม่กระชับ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน ขาดความชุ่มชื้น รูขุมขนกว้าง และมีหลุมสิว
  • ระยะเวลาคงอยู่ : โดยเฉลี่ยแล้วหลังฉีด Karisma Rh Collagen ผลลัพธ์จะคงอยู่นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด

 

ผิวอ่อนวัยด้วย Collaju

  • ส่วนประกอบหลัก : Atelocollagen ซึ่งเป็นคอลลาเจนสังเคราะห์ที่สกัดจากหนังหมู
  • หลักการทำงาน : เมื่อทำการฉีด Collaju เข้าสู่ผิวหนัง Atelocollagen จะทำหน้าที่ในการเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวหนัง พร้อมกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวจะค่อย ๆ หนาแน่น อิ่มฟู กระชับ เรียบเนียน และแข็งแรงขึ้นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • จุดเด่น : สามารถกระตุ้น Collagen Type 1 ได้อย่างสมบูรณ์ และปรับปรุงผิวลึกถึงโครงสร้าง รวมทั้งฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ และเสริมเกราะปกป้องผิว
  • ตำแหน่งที่ฉีด : การฉีด Collaju สามารถฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง ทั้งใบหน้า และลำตัว เช่น หน้าผาก ใต้ตา หน้าแก้ม แก้มตอบ ร่องแก้ม ริมฝีปาก กรอบหน้า และลำคอ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น กรอบหน้าไม่ชัด รวมถึงผู้ที่มีปัญหาผิวบางจากการขาดคอลลาเจน ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง และมีรอยแผลเป็น
  • ระยะเวลาคงอยู่ : โดยเฉลี่ยแล้วหลังฉีด Collaju ผลลัพธ์จะคงอยู่นานประมาณ 4 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล และการดูแลตัวเองหลังฉีด

 

ข้อดีของการทำหัตถการผิวอ่อนวัย

ข้อดีของการทำหัตถการผิวอ่อนวัย

 

ข้อดีของการทำหัตถการผิวอ่อนวัย

  • หัตถการผิวอ่อนวัย ช่วยคืนความอ่อนวัยให้ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หัตถการผิวอ่อนวัย ช่วยป้องกัน และชะลอกระบวนการเสื่อมสภาพของผิวในระยะยาว
  • หัตถการผิวอ่อนวัย สามารถใช้ได้กับหลากหลายตำแหน่ง ทั้งใบหน้า และลำตัว
  • หัตถการผิวอ่อนวัย สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบเร่งรีบ
  • หัตถการผิวอ่อนวัย ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ และสามารถเข้ากับผิวได้ดี
  • หัตถการผิวอ่อนวัย สามารถย่อยสลายได้เอง โดยไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดอันตราย
  • หัตถการผิวอ่อนวัย ไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน หลังฉีดเสร็จสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ตามเดิม

การมีผิวอ่อนวัยไม่ใช่เรื่องยาก หากใส่ใจดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรม ตั้งแต่การทำความสะอาดผิว การใช้สกินแคร์ การทาครีมกันแดด การดื่มน้ำ การพักผ่อน การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การรับประทานอาหาร ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวอ่อนวัยจากภายในสู่ภายนอก แต่สำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และชัดเจน การทำหัตถการทางการแพทย์ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องจากสามารถฟื้นฟู และบำรุงผิวได้อย่างแม่นยำ โดยเป็นการฉีดเข้าสู่ผิวหนังโดยตรง ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ และทำให้ผิวอ่อนวัยอย่างแท้จริง

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

[elementor-template id="15452"]