ฝ้า, บทความ

รู้ก่อน รักษาหายก่อน! ฝ้าแบบไหนคือฝ้าแดด

ขื้นชื่อว่าประเทศไทย เมืองที่มีอากาศร้อนตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะฤดูไหน ๆ เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้พ้น ซึ่งจริง ๆ แล้วแสงแดดก็มีประโยชน์หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นมีวิตามินดีที่เป็นประโยชน์ต่อผิวพรรณ ลดความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า แต่ในกรณีที่ได้รับแสงแดดมากเกินไป ก็ย่อมเกิดผลร้ายตามมาได้ด้วย โดยในแสงแดดจะประกอบไปด้วยรังสี และแสงหลายชนิด ที่แตกต่างกันออกไปตามความยาวของคลื่นแสง ได้แก่ ⦁ แสงที่มองเห็น คิดเป็นราว 45 % ของแสงแดดทั้งหมด มีพลังงานต่ำ แต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวสวย ๆ ของเราคล้ำเสีย เกิดฝ้า และผิวเสื่อมสภาพก่อนวัยอันควรได้ ⦁ แสงที่มองไม่เห็น ได้แก่ รังสีอัลตร้าไวโอเล็ต ที่เราน่าจะคุ้นหูกันดี โดยเจ้ารังสีนี้จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่  รังสีUVC , UVB และ UVA โดยรังสี UVC มักมาไม่ถึงผิวโลก เนื่องจากเป็นคลื่นแสงที่มีความสั้น ⦁ แสงอินฟราเรด คิดเป็นราว 50% ของแสงแดดทั้งหมด และมีพลังงานต่ำกว่าแสงที่ให้ความสว่าง เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดผิวแก่ก่อนวัย ทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว จนทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย และรอยเหี่ยวย่นได้ อย่างที่เกริ่นไปด้านบนนั้นว่าแสงแดดเป็นตัวการร้ายทำลายผิวพรรณ หากเราไม่ป้องกันผิวของเราให้ดีพอ โดยปัญหาผิวที่พบบ่อยหลังจากต้องเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน คงหนีไม่พ้นปัญหา ‘ฝ้าแดด’ ซึ่งเกิดจากการที่ผิวหน้าถูกทำร้ายซ้ำ ๆ จากรังสี UV จนทำให้ผิวหน้าของเรามีการผลิตเม็ดสีเมลานินออกมามากกว่าปกติ นอกจากนี้ฝ้าแดดก็อาจเกิดขึ้นจากแสงไฟ แสงจากคอมพิวเตอร์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือได้อีกด้วย โดยแต่ละคนมักมีความสับสนระหว่างฝ้าแดดและฝ้าเลือด เนื่องจากมีลักษณะที่คล้ายกัน จึงอาจทำให้การรักษาเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง และทำให้ฝ้าแดดลุกลาม ไม่หายขาด

วิธีสังเกต แบบนี้แหละคือ ‘ฝ้าแดด’

ฝ้าแดดจะมีลักษณะเป็นรอยสีน้ำตาลคล้ำ ดำ แดงจาง ๆ  หรือเทาอมม่วง และมักมีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ พบบ่อยบริเวณแก้ม เฉียงขึ้นมาถึงบริเวณโหนกแก้มด้านบน หลายคนมักเข้าใจว่าผิวเกิดการแพ้อะไรบางอย่างจนทำให้รอยฝ้าเข้มและรักษายากขึ้น

การรักษาฝ้าแดด

โดยปกติหากเพิ่งเริ่มเป็นฝ้าแดด ฝ้าแดดจะฝังตัวอยู่บริเวณชั้นหนังกำพร้า ซึ่งสามารถรักษาได้หลากหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่ Romrawin Clinic แนะนำก็คือการทำเลเซอร์ ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการที่สามารถรักษาฝ้าแดดในระยะแรกเริ่มได้เป็นอย่างดี และไม่ทำให้ผิวหน้าบางลงด้วย

>

ปกป้องผิวอย่างไร ไม่ให้กลับมาเป็นฝ้าแดดได้อีก

หลังจากรักษาฝ้าแดดให้หายด้วยเลเซอร์แล้ว เราอาจจำเป็นต้องมีการดูแลตัวเองร่วมด้วย เพื่อลดอัตราการเกิดใหม่ของฝ้าแดดบนใบหน้าของเรา โดยควรหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 10.00 – 16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีรังสี UVB กระจายอยู่อย่างเข้มข้น ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ จึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยเลือกจาก ⦁ สารป้องกันแดดสะท้อนแสง   ได้แก่ titanium dioxide, zine oxide สารกลุ่มนี้สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และรังสี UVB รวมถึงแสงที่มองเห็นด้วย นอกจากนี้ยังมีอัตราการแพ้น้อย แต่มักมีความเหนียวเหนอะหนะมากกว่าสารกันแดดประเภทอื่น ๆ ⦁ สารป้องกันแดดดูดแสง ซึ่งเป็นสารกันแดดที่ทำหน้าที่ช่วยดูดซับแสงที่มากระทบกับผิวหนัง โดยตรง ช่วยกรองแสงแตกต่างกันตามชนิดของสารกรองแสง สามารถป้องกันรังสี UVAและรังสี UVB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็เสี่ยงต่ออาการแพ้ และควรทาซ้ำตลอดวัน ทั้งนี้สมาคมแพทย์ผิวหนังและมะเร็งผิวหนังในอเมริกา แนะนำว่าเราควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF มากกว่า 15 ขึ้นไป โดยปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมชีวิต หรือกิจกรรมในแต่ละวัน หากอยากให้ครีมกันแดดทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดควรทาครีมก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 – 30 นาที ทุก 2 ชั่วโมง สำหรับปริมาณที่แนะนำคือ 2 มิลลิกรับต่อตารางเซนติเมตรในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และ 2 ข้อนิ้วมือในส่วนบริเวณใบหน้าและลำคอ ก็จะช่วยลดอัตราการเกิดฝ้าแดดลงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

[elementor-template id="15452"]