ผิวหย่อนคล้อยไม่กระชับเกิดจากอะไร? คำตอบของที่หลายคนอาจยังไม่รู้
ทำไมบางคนอายุยังไม่มาก แต่ผิวหน้ากลับดูหย่อนคล้อยก่อนวัย? คำถามนี้อาจทำให้หลายคนเริ่มสงสัยและกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อมองกระจกแล้วเห็นความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นกรอบหน้าที่ไม่ชัด แก้มที่เริ่มหย่อนลง หรือริ้วรอยเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ ปรากฏ สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่าผิวกำลังสูญเสียความกระชับไปทีละน้อย
ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับหรือเริ่มหย่อนคล้อยไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในวัยผู้ใหญ่เท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อายุยังน้อย สาเหตุมีทั้งจากปัจจัยภายใน เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและการลดลงของคอลลาเจนในชั้นผิว รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดด มลภาวะ และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม
หลายคนจึงเกิดคำถามว่าผิวหน้าไม่กระชับเกิดจากอะไร และทำให้ผิวหย่อนคล้อยก่อนวัย คำตอบไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องอายุ แต่ยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตที่เราเลือก และการดูแลผิวที่อาจขาดความสมดุล หากเข้าใจต้นเหตุเหล่านี้ เราจะสามารถหาวิธีดูแลและป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร
การทำความเข้าใจถึงสาเหตุของผิวหย่อนคล้อย และการเลือกแนวทางดูแลที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะไม่เพียงช่วยชะลอการเสื่อมของผิว แต่ยังช่วยฟื้นฟูความกระชับ คืนความอ่อนวัย และเสริมความมั่นใจได้อีกครั้ง บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุ วิธีป้องกัน และแนวทางยกกระชับผิวหน้าที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน
โครงสร้างผิวกับความกระชับที่เปลี่ยนแปลงตามวัย
ความแข็งแรงและความเต่งตึงของผิวหน้า เกิดจากการทำงานร่วมกันของผิวหลายชั้นที่ซ้อนทับกันอยู่ หากผิวชั้นใดชั้นหนึ่งเสื่อมสภาพลง ย่อมส่งผลให้ผิวหน้าไม่กระชับ และเกิดปัญหาความหย่อนคล้อย
ได้ง่ายขึ้น
- หนังกำพร้า (Epidermis)
เป็นเกราะป้องกันผิวชั้นแรก ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรค สิ่งสกปรก รวมถึงการสูญเสียน้ำตามธรรมชาติ กระบวนการผลัดเซลล์ที่เกิดขึ้นสม่ำเสมอทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียน แต่ถ้าหากการผลัดเซลล์ผิวช้าลง ผิวก็จะหมองและดูไม่สดใส
- หนังแท้ (Dermis)
ชั้นนี้คือหัวใจของความยืดหยุ่น ประกอบด้วยเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวแข็งแรงกระชับและคืนตัวได้ดี พร้อมทั้งมีกรดไฮยาลูโรนิกช่วยเก็บกักความชุ่มชื้น หากคอลลาเจนเสื่อมสภาพลง ความสามารถในการพยุงผิวจะลดลง จนนำไปสู่ภาวะผิวหย่อนคล้อย
- ชั้นไขมัน (Subcutaneous layer)
ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกและเก็บพลังงาน ไขมันที่ลดลงหรือเคลื่อนตัวตามวัย ส่งผลให้โครงหน้าดูแฟบและไม่เต่งตึงเหมือนเดิม
- ชั้น SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System)
เป็นชั้นเนื้อเยื่อที่เชื่อมระหว่างผิวกับกล้ามเนื้อ ถือเป็นจุดสำคัญในการยกกระชับใบหน้า เพราะชั้นนี้มีบทบาทโดยตรงต่อความชัดเจนของโครงหน้า หากผิวเสื่อมลง ผิวหน้าจะเริ่มหย่อนคล้อยและไม่สมส่วน
- กล้ามเนื้อใบหน้า
เป็นชั้นที่อยู่ลึกสุด คอยช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวต่าง ๆ เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนแรงลง จะทำให้ผิวสูญเสียแรงพยุง และทำให้รูปหน้าดูไม่กระชับเหมือนเดิม
คอลลาเจนและอีลาสติน เสาหลักของความกระชับ
คอลลาเจน เป็นโปรตีนที่เสมือนโครงสร้างค้ำจุนผิว ทำให้ผิวดูอิ่มฟู แข็งแรง และแน่นกระชับ ส่วนอีลาสติน ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและคืนตัวได้หลังจากถูกดึงรั้ง เมื่อทั้งคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงจากอายุ แสงแดด หรือมลภาวะ ความสามารถในการคงความเต่งตึงของผิวจะถดถอยลง นี่คือสาเหตุที่ทำให้ผิวหน้าไม่กระชับ และเกิดริ้วรอยอย่างเห็นได้ชัด
ผลลัพธ์เมื่อโครงสร้างผิวเสื่อมสภาพ
- เส้นใยคอลลาเจนเปราะบาง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น
- ชั้นไขมันหดตัว ส่งผลให้โครงหน้าดูหย่อนและไม่คมชัด
- กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงทำให้ ผิวหย่อนคล้อยเห็นได้ชัด
- ผิวโดยรวมดูแก่กว่าวัย มีริ้วรอยและความไม่กระชับเพิ่มขึ้น

ผิวหน้าไม่กระชับเกิดจากอะไร?
ผิวหน้าไม่กระชับเกิดจากอะไร?
หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดเมื่อเวลาผ่านไป ผิวที่เคยเรียบตึงและสดใสกลับกลายเป็น ผิวหน้าไม่กระชับ หรือมีอาการ ผิวหย่อนคล้อย สาเหตุแท้จริงเกิดจากทั้งการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายและปัจจัยภายนอกที่สะสมในชีวิตประจำวัน ดังนี้
- อายุและการเปลี่ยนแปลงของผิว
เมื่ออายุมากขึ้น การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวจะค่อย ๆ ลดลง เส้นใยที่เคยแข็งแรงเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและความแน่นกระชับ จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยและความหย่อนคล้อย
- การสูญเสียชั้นไขมัน
ชั้นไขมันใต้ผิวทำหน้าที่คล้ายเบาะรองรับและช่วยให้ใบหน้าได้รูป เมื่อปริมาณไขมันลดลงหรือมีการเคลื่อนตัวตามอายุ ใบหน้าจะเริ่มแฟบ กรอบหน้าไม่ชัด และดูหย่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
- ผลกระทบจากแสงแดดและมลภาวะ
รังสี UV และมลพิษรอบตัวเป็นตัวการสำคัญที่ทำลายเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งเร่งให้ผิวเสื่อมโทรมเร็วขึ้น หากไม่ได้ปกป้องผิวอย่างเหมาะสม แม้จะยังอายุไม่มากก็อาจเจอปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ ได้เช่นกัน
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
การนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ การสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์บ่อย ๆ ล้วนส่งผลให้ผิวขาดความแข็งแรงและฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลง ในระยะยาวจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผิวหย่อนคล้อย
- ความเครียดและฮอร์โมน
ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้คอลลาเจนในผิวถูกทำลาย ส่งผลต่อความยืดหยุ่นและทำให้ผิวดูเหนื่อยล้าไม่สดใส
- พันธุกรรมและโครงสร้างผิว
ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีบทบาทไม่น้อย บางคนมีโครงสร้างผิวที่บางหรือเสื่อมง่าย ทำให้เกิดปัญหาผิวไม่กระชับเร็วกว่าคนอื่น แม้จะดูแลผิวเป็นอย่างดี
- อิทธิพลของแรงโน้มถ่วง
แรงโน้มถ่วงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเวลาผ่านไป ผิวจะถูกดึงลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผิวหน้าดูหย่อนลงทีละน้อย
- การขยับใบหน้าซ้ำ ๆ
สีหน้าที่แสดงออกบนใบหน้าซ้ำบ่อย ๆ เช่น การยิ้มหรือการขมวดคิ้ว ทำให้ผิวถูกยืดหดบ่อยครั้ง เมื่อเวลาผ่านไปความยืดหยุ่นจะลดลงและริ้วรอยจะเห็นชัดขึ้น
ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับและผิวหย่อนคล้อย เป็นผลลัพธ์จากหลายปัจจัยที่สะสมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแล ผิวก็จะสูญเสียทั้งความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความแข็งแรงไปเรื่อย ๆ การปรับพฤติกรรมให้เหมาะสมควบคู่การเลือกวิธียกกระชับผิวหน้าที่ตอบโจทย์ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการฟื้นฟูความสดใส และช่วยให้ผิวกลับมาดูอ่อนวัยได้อีกครั้ง

วิธีดูแลและฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมากระชับด้วยตัวเอง
วิธีดูแลและฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมากระชับด้วยตัวเอง
แม้ว่าเทคโนโลยีด้านความงามจะมีบทบาทช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับได้อย่างเห็นผล แต่การดูแลตนเองก็ยังเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของผิว และลดโอกาสเกิดผิวหย่อนคล้อยในระยะยาว หากใส่ใจปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสดใสและกระชับขึ้นอย่างอ่อนวัย
- การนวดกระตุ้นผิวหน้า
การนวดผิวด้วยแรงกดที่พอเหมาะจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง ส่งผลให้สารอาหารและออกซิเจนถูกลำเลียงไปเลี้ยงเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น เมื่อทำเป็นประจำจะช่วยให้ผิวดูแน่นกระชับ และผ่อนคลายจากความตึงเครียด อีกทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าได้ด้วย
- การออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้า (Face Yoga)
ท่าบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า เช่น การยืดริมฝีปาก หรือการเกร็งแก้ม สามารถช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่พยุงผิว เมื่อกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ผิวก็จะดูกระชับและไม่หย่อนยานง่าย ถือเป็นการดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติที่ช่วยเสริมการยกกระชับผิวหน้าได้โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงที่เหมาะสม
การเลือกสกินแคร์ที่ช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น เซรั่มที่มีส่วนผสมของไฮยาลูโรอนิก วิตามินซี หรือเปปไทด์ จะช่วยเสริมเกราะป้องกันและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เมื่อผิวอิ่มน้ำและมีความยืดหยุ่นเพียงพอ ก็ช่วยลดปัญหาผิวหน้าไม่กระชับและชะลอการเกิดผิวหย่อนคล้อยได้

หัตถการยกกระชับผิวหน้า ทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
หัตถการยกกระชับผิวหน้า ทางเลือกเพื่อแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวๆไม่กระชับหรือเริ่มเห็นสัญญาณผิวหย่อนคล้อย การดูแลด้วยสกินแคร์อย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ปัจจุบันจึงมีเทคโนโลยีและหัตถการที่ออกแบบมาเพื่อช่วยยกกระชับผิวหน้าอย่างแม่นยำ และให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น
- การร้อยไหม (Thread Lift)
เป็นเทคนิคที่ใช้เส้นไหมละลายที่มีเงี่ยงเล็ก ๆ สอดเข้าไปใต้ผิว เพื่อเกี่ยวและดึงเนื้อเยื่อที่หย่อนให้ยกขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากจะช่วยยกกระชับปรับรูปหน้าขึ้นแล้ว เส้นไหมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูแน่นและดูอ่อนวัย ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6–18 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยค่อนข้างมากและต้องการเห็นผลรวดเร็ว
เทคโนโลยีนี้ใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวนด์พลังงานสูง ส่งความร้อนลงลึกไปถึงชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ผลลัพธ์คือผิวหดกระชับขึ้นอย่างกลมกลืนกับใบหน้า และคงอยู่ได้นาน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกศัลยกรรม
- Thermage FLX
เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ส่งพลังงานความร้อนไปยังผิวชั้นลึก เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับโครงสร้างผิว เมื่อทำเสร็จสามารถรู้สึกได้ถึงความกระชับของผิวได้อย่างรวดเร็ว และเห็นผลชัดเต็มขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2–3 เดือน ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1–2 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาผิวไม่กระชับโดยไม่ต้องพักฟื้น
- Super HIFU
การใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์ความเข้มข้นสูง ส่งพลังงานลงไปยังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้ผิวค่อย ๆ ยกกระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นและสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้เลยหลังทำ
เป็นเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานคลื่นไฟฟ้า HIFES และ Synchronised RF ทำงานกับกล้ามเนื้อใบหน้าและผิวหนังพร้อมกัน ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสติน ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อที่พยุงผิว ทำให้รูปหน้าได้สัดส่วน ผิวกระชับขึ้น และลดเลือนริ้วรอย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ และต้องการยกกระชับแบบไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น
เป็นการผสานกันระหว่างคลื่นวิทยุ (RF) กับ เข็มขนาดเล็ก (Microneedling) ส่งพลังงานลงลึกถึงชั้นผิว ทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่จำนวนมาก ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก และรูขุมขนกว้าง ผลลัพธ์คือผิวกระชับและเรียบเนียนขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างผิวให้ดีขึ้นหลายมิติ

การยกกระชับผิวหน้าหย่อนคล้อยด้วยการผ่าตัด
การยกกระชับผิวหน้าหย่อนคล้อยด้วยการผ่าตัด
สำหรับผู้ที่เผชิญปัญหาผิวหน้าไม่กระชับหรือมีผิวหย่อนคล้อยรุนแรง วิธีที่สามารถแก้ไขได้อย่างเห็นผลชัดเจนและยาวนานคือการผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift) ซึ่งเป็นเทคนิคการศัลยกรรมที่มุ่งปรับโครงสร้างผิวและกล้ามเนื้อให้กลับมากระชับ เต่งตึง และดูอ่อนวัยขึ้น
เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าที่นิยม
- Full Face lift
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอยลึกทั่วใบหน้าและลำคอ ช่วยปรับโครงสร้างผิวอย่างครอบคลุม
- Mini Face Lift
มุ่งแก้ปัญหาเฉพาะส่วน เช่น บริเวณแก้มและหางตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยในระดับปานกลาง และยังไม่ต้องการการผ่าตัดเต็มรูปแบบ
- Endoscopic Face Lift
ใช้กล้องส่องขนาดเล็กช่วยในการผ่าตัด ทำให้แผลมีขนาดเล็กลง ฟื้นตัวเร็ว และลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่กลมกลืนกับใบหน้า และไม่อยากมีรอยแผลขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ในบางกรณีอาจมีการใช้วัสดุ Endotine เพื่อช่วยยึดและประคองเนื้อเยื่อ ทำให้ผลลัพธ์ของการดึงหน้ามีความมั่นคงและคงอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
ข้อดีและข้อพิจารณาของการยกกระชับผิวหน้าด้วยการผ่าตัด
- ข้อดีคือให้ผลการยกกระชับผิวหน้าที่ชัดเจน อยู่ได้นานหลายปี และช่วยปรับโครงหน้าให้ดูอ่อนวัยลงได้มาก
- ข้อควรพิจารณาคือต้องมีช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด อาจมีรอยแผลเล็ก ๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีสภาพผิวหย่อนคล้อยค่อนข้างรุนแรง
การเปรียบเทียบวิธียกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
การแก้ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่วิธียกกระชับผิวหน้าด้วยตัวเอง หัตถการทางการแพทย์ ไปจนถึงการผ่าตัดดึงหน้า ทั้งนี้การเลือกวิธีที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับระดับความหย่อนคล้อย และความต้องการของแต่ละบุคคล
เริ่มจากการยกกระชับด้วยตนเอง เช่น การนวดหน้าเป็นประจำ การฝึกโยคะใบหน้า หรือการใช้สกินแคร์ที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน วิธีเหล่านี้เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย และต้องการป้องกันไม่ให้ผิวเสื่อมสภาพเร็ว ข้อดีคือไม่อันตราย ทำได้เองที่บ้าน และช่วยให้ผิวฟื้นฟูอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ข้อจำกัดคือผลลัพธ์อาจใช้เวลานานและไม่สามารถแก้ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับที่รุนแรงได้
ต่อมาคือการยกกระชับผิวหน้าด้วยหัตถการทางการแพทย์ เช่น การร้อยไหม, Super HIFU, Thermage FLX, Ultherapy Prime, EMFACE และ Fix Lift หัตถการเหล่านี้ ใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุลงไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ข้อดีคือไม่ต้องพักฟื้นและช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปี และต้องทำซ้ำเพื่อรักษาความกระชับอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายคือการยกกระชับผิวหน้าด้วยการผ่าตัดดึงหน้า (Face Lift) ซึ่งเป็นวิธีที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน แพทย์จะผ่าตัดเปิดแผลเล็ก ๆ บริเวณแนวไรผมหรือหน้าหู เพื่อเลาะและดึงชั้นผิวกับกล้ามเนื้อ SMAS ให้กระชับขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยรุนแรงที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าอย่างจริงจัง ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน 5–10 ปี แต่มีข้อพิจารณา เช่น การพักฟื้น ระยะเวลาในการพักฟื้น และค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
โดยสรุป หากเพิ่งเริ่มมีปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ การดูแลด้วยตนเองก็เพียงพอ แต่หากมีผิวหย่อนคล้อยชัดเจนในระดับปานกลาง หัตถการทางการแพทย์จะช่วยให้เห็นผลเร็วและแม่นยำมากขึ้น ส่วนผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาวและผิวหย่อนคล้อยในระดับที่รุนแรง การผ่าตัดดึงหน้าจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
การยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาอะไรได้บ้าง?
- ลดปัญหาผิวหน้าไม่กระชับที่เกิดจากอายุและปัจจัยต่าง ๆ
- แก้ไขผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม คาง และลำคอ
- ทำให้กรอบหน้า (Jawline) ชัดเจนขึ้น ลดความหย่อนของแนวกราม
- ยกกระชับบริเวณแก้มที่หย่อนลง ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้น
- ลดปัญหาเหนียงหรือคางสองชั้นที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิว
- กระชับผิวบริเวณหางตาและคิ้ว ช่วยให้ดวงตาดูเปิดกว้างและอ่อนวัย
- ลดริ้วรอยเล็ก ๆ บริเวณหน้าผาก ร่องแก้ม และมุมปาก
- ฟื้นฟูผิวที่เคยหมองหรือดูอ่อนล้าให้กลับมามีชีวิตชีวา
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
- ลดความหย่อนของชั้น SMAS ทำให้รูปหน้าเฟิร์มกระชับขึ้น
- ปรับสัดส่วนของใบหน้าให้สมดุลมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด
- ช่วยชะลอการเสื่อมของผิวและลดการเกิดริ้วรอยลึกในอนาคต
- เพิ่มความมั่นใจในรูปลักษณ์ เพราะใบหน้าดูกระชับและสดใสมากขึ้น
- ฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวที่เสียไปจากแสงแดดและมลภาวะ
- แก้ไขปัญหาผิวที่เกิดจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้ผิวไม่กระชับ
- ช่วยให้การแต่งหน้าติดทนนานขึ้น เนื่องจากผิวเรียบและแน่นกระชับ
- ลดเส้นริ้วรอยรอบริมฝีปากและมุมปากตก ทำให้รอยยิ้มดูสดใสขึ้น
- ปรับลุคโดยรวมให้ใบหน้าดูอ่อนวัยลง

ใครบ้างที่ควรทำการยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
ใครบ้างที่ควรทำการยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่อายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อม
- ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหน้าไม่กระชับจากอายุที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ที่เริ่มสังเกตเห็นผิวหย่อนคล้อยบริเวณแก้ม คาง หรือแนวกรอบหน้า
- ผู้ที่เริ่มมีริ้วรอยเล็ก ๆ รอบดวงตา ปาก หรือหน้าผาก และอยากให้ดูเรียบตึงขึ้น
- ผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด ดูไม่กระชับ และอยากยกกระชับปรับรูปหน้าไม่ชัดเจน
- ผู้ที่มีเหนียงหรือคางสองชั้นซึ่งเกิดจากความหย่อนของผิว
- ผู้ที่ต้องการปรับสภาพผิวให้แข็งแรง กระชับ และยืดหยุ่นมากขึ้น
- ผู้ที่ผิวดูอ่อนล้า หมองคล้ำ หรือขาดความสดใส
- ผู้ที่น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผิวหน้าหรือแก้มดูตอบ ไม่กระชับ
- ผู้ที่มีร่องแก้มลึกหรือมุมปากตกจากผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนวัยลงแบบไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การยกกระชับผิวหน้าแบบไม่เปลี่ยนโครงหน้าเดิม
- ผู้ที่กังวลริ้วรอยก่อนวัย และอยากชะลอความเสื่อมของผิว
- ผู้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจและรูปลักษณ์ให้กับใบหน้า
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานและช่วยลดความกังวลเรื่องการดูแลผิว
หมายเหตุ
แม้ว่าการยกกระชับผิวหน้าช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับ และผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การเลือกวิธีการที่เหมาะสมควรพิจารณาจากภาพผิว ระดับความหย่อนคล้อย อายุ และความต้องการของแต่ละบุคคล การปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้แนวทางการดูแลที่เห็นผลจริง และตอบโจทย์กับความต้องการของตนเองได้ดี
ใครไม่เหมาะกับการทำยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
- ผู้ที่โรคประจำตัวร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ หรือโรคไต
- ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือดอยู่เป็นประจำ
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวติดเชื้อ แผลอักเสบ มีสิวอักเสบรุนแรง หรือโรคผิวหนังบางชนิด
- ผู้ที่เพิ่งเข้ารับการผ่าตัดหรือทำหัตถการอื่น ๆ ที่ผิวหน้ามาไม่นานและอยู่ในช่วงพักฟื้น
- ผู้ที่มีประวัติแพ้สารบางชนิด เช่น ยาชา หรือวัสดุที่ใช้ในการทำหัตถการ
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่มีความคาดหวังเกินจริง เช่น ต้องการให้ผิวดูอ่อนวัยเหมือนย้อนวัยหลายสิบปี
- ผู้ที่มีภาวะทางจิตใจไม่มั่นคง หรือมีโรคทางจิตเวชที่อาจทำให้ไม่พอใจกับผลลัพธ์การรักษา
- ผู้ที่ผิวบางมากหรือสูญเสียความยืดหยุ่นอย่างรุนแรง
หมายเหตุ
การยกกระชับผิวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการหรือการผ่าตัดอาจไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหรือข้อจำกัดบางประการ ดังนั้นหากมีปัญหาผิวหน้าไม่กระชับหรือผิวหย่อนคล้อย ควรเข้ารับการประเมินโดนแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อเลือกแนวทางที่ให้ผลลัพธ์เหมาะสมกับสภาพผิวและร่างกายของแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนทำยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธียกกระชับผิวหน้า และเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน
- ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว ระดับผิวหย่อนคล้อย และเลือกวิธีการที่เหมาะสม
- แจ้งประวัติการรักษา ยาที่ใช้อยู่ และโรคประจำตัวกับแพทย์ให้ครบถ้วน
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายพร้อมรับการฟื้นฟูหลังยกกระชับผิวหน้า
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6–8 แก้ว เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด หรือกิจกรรมที่ทำให้ผิวระคายเคืองก่อนทำ
- งดการสครับผิวหรือนวดหน้าแรง ๆ ในช่วง 2–3 วันก่อนเข้ารับบริการ
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนทำ
- งดยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือสมุนไพรบางชนิด
การดูแลหลังทำการยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวหน้าฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6–8 แก้ว เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นฟูได้ดีขึ้น
- ใช้ครีมหรือเซรั่มบำรุงที่แพทย์แนะนำ เพื่อช่วยให้ผิวฟื้นตัวและคงกระชับนานขึ้น
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และโปรตีน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัส กด หรือถูผิวหน้าแรง ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่ทำหัตถการ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด และทาครีมกันแดด SPF 50 PA++++ ทุกวัน
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดผลไม้ ในช่วงพักฟื้นผิว
- งดออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมากในช่วง 3–7 วันแรก
- งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลเสียต่อการสร้างคอลลาเจน
การยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย อันตรายไหม?
- โดยทั่วไปการยกกระชับผิวหน้าถือว่าไม่อันตราย หากทำโดยแพทย์ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม แต่ละวิธีมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน เช่น อาการบวม แดง หรือช้ำชั่วคราว ซึ่งสามารถหายได้เองเมื่อพักฟื้นตามคำแนะนำของแพทย์
ทำยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ครั้งเดียวเพียงพอไหม?
- ส่วนใหญ่การทำหัตถการยกกระชับผิวหย่อนคล้อย จะไม่ใช่การทำครั้งเดียวแล้วจบ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหย่อนคล้อยของแต่ละคนและวิธีที่เลือก บางวิธีควรทำซ้ำปีละครั้งเพื่อคงผลลัพธ์ ส่วนการผ่าตัดดึงหน้าแม้จะอยู่ได้นานหลายปี แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็อยากหย่อนคล้อยได้อีก
อายุเท่าไหร่ถึงควรเริ่มทำการยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้?
- โดยทั่วไป คนวัย 25–30 ปีขึ้นไปอาจเริ่มมีสัญญาณของผิวหน้าไม่กระชับเล็กน้อย เช่น ริ้วรอยบาง ๆ หรือกรอบหน้าไม่ชัด การเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการยกกระชับผิวหน้าด้วย Super HIFU หรือ Ultherapy Prime จะช่วยชะลอการเกิดผิวหย่อนคล้อยในอนาคต ส่วนผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป หากผิวหย่อนคล้อยชัดเจน อาจเลือกยกกระชับด้วย EMFACE หรือพิจารณาการผ่าตัดดึงหน้าร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยเหมาะกับผู้ชายไหม?
- การยกกระชับผิวหน้าไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้หญิง ผู้ชายที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด หรือมีเหนียงก็สามารถทำได้เช่นกัน ปัจจุบันผู้ชายจำนวนมากหันมาดูแลตัวเองด้วยการทำหัตถการหรือผ่าตัดยกกระชับ เพราะช่วยเสริมบุคลิกภาพและเพิ่มความมั่นใจในชีวิตประจำวันได้
การยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีผลข้างเคียงไหม?
- การยกกระชับผิวหน้า ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย เช่น อาการบวม แดง หรือช้ำเล็กน้อย โดยมักหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่ถ้าเป็นการผ่าตัดดึงหน้าอาจมีความเสี่ยงมากกว่า เช่น แผลผ่าตัดติดเชื้อ หรือแผลฟื้นตัวช้า ซึ่งมักเกิดขึ้นน้อยหากทำโดยแพทย์ การปรึกษาแพทย์และเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ผิวบาง แพ้ง่าย สามารถทำการยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้ไหม?
- ผู้ที่มีผิวบางหรือแพ้ง่ายสามารถทำการยกกระชับผิวหน้าได้ แต่ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมและปรึกษาแพทย์อย่างละเอียด เช่น เลือกเทคโนโลยียกกระชับอย่าง Ultherapy Prime หรือ Super HIFU ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับได้โดยไม่กระทบผิวที่บอบบางมากนัก
สามารถทำการยกกระชับผิวหน้า แก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่วมกับการทำหัตถการอื่น ๆ ได้ไหม?
- การยกกระชับผิวหน้าสามารถทำควบคู่กับหัตถการอื่น ๆ ได้ เช่น การฉีดโบเพื่อลดริ้วรอยเฉพาะจุด หรือการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มร่องลึก ทั้งนี้การทำร่วมกันต้องอาศัยการวางแผนโดยแพทย์ เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาสมดุลและไม่อันตราย โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ร่วมกับปัญหาร่องแก้มหรือริ้วรอยลึก
ปัญหาผิวหน้าไม่กระชับและผิวหย่อนคล้อย เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากเมื่ออายุมากขึ้นหรือมีปัจจัยกระทบจากการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีในการดูแล ตั้งแต่การปรับพฤติกรรม การบำรุงผิว ไปจนถึงการทำหัตถการและการผ่าตัดดึงหน้า แต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป
สิ่งสำคัญคือการประเมินสภาพผิวและเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเอง หากเพิ่งเริ่มมีปัญหาเพียงเล็กน้อย การดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติก็อาจเพียงพอ แต่หากมีผิวหย่อนคล้อยมาก การเลือกวิธีเทคโนโลยียกกระชับหรือการผ่าตัดดึงหน้า ก็อาจตอบโจทย์ดีกว่า
สุดท้ายแล้ว การยกกระชับผิวหน้าไม่ใช่เพียงการคืนความอ่อนวัยให้ใบหน้า แต่ยังช่วยเสริมความมั่นใจและคุณภาพชีวิต การใส่ใจดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ควบคู่กับการเลือกวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและความต้องการของแต่ละคน คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผิวแข็งแรง กระชับ และดูสดใสอย่างยาวนาน