ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร?

ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร? รู้จักกระบวนการสำคัญช่วยลดไขมัน หุ่นสวยสุขภาพดี

เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางคนกินเยอะก็ไม่อ้วน แต่บางคนกินนิดเดียว น้ำหนักก็ไม่ลด? คำตอบ คือ  ระบบเผาผลาญ (Metabolism) กระบวนการสำคัญที่ช่วยให้เปลี่ยนอาหารเป็นพลังงาน และยังเกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย ทำความเข้าใจ ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร ทำงานอย่างไร? รู้จักกระบวนการสำคัญช่วยลดไขมัน หุ่นสวยสุขภาพดี พร้อมบอกวิธีลดไขมันโดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

 

ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร?

ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร?

 

ระบบเผาผลาญ (Metabolism) คืออะไร?

ระบบเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึม (Metabolism) คือ กระบวนการทางเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกาย ช่วยทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ และช่วยรักษาภาวะสมดุลของร่างกาย โดยระบบเผาผลาญเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการย่อยสารอาหารภายในร่างกาย และการเสริมสร้างซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย โดยกระบวนการเมตาบอลิซึม หรือระบบเผาผลาญจะเปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มให้กลายเป็นพลังงานที่ใช้ภายในร่างกาย  

 

หากร่างกายได้รับพลังงานที่มากเกินความต้องการ พลังงานส่วนเกินจะถูกกับเก็บไว้และเปลี่ยนเป็นไขมัน จึงส่งผลให้เกิดการสะสมของไขมันที่มากขึ้น และทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นในระยะยาว ซึ่งระบบเผาผลาญ จึงถือเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ร่างกายสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ทั้งยังช่วยลดไขมันสะสมในร่างกายได้ หากระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพและเกิดโรคเรื้อรังได้ในระยะยาว

 

กระบวนการเผาผลาญหลักในร่างกาย

ระบบเผาผลาญจะประกอบด้วย 2 กระบวนการหลัก ดังนี้

  • กระบวนการสลาย (Catabolism)

กระบวนการสลาย คือ กระบวนการหลักในระบบเผาผลาญ เป็นกระบวนการที่ร่างกายทำการสลายสารอาหารที่ได้รับ เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีน หรือการสลายโมเลกุลขนาดใหญ่ให้กลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ เช่น การหายใจ การเคลื่อนไหว การไหลเวียนเลือด และการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย

  • กระบวนการสร้าง (Anabolism)

กระบวนการสร้าง คือ กระบวนการหลักในระบบเผาผลาญ เป็นกระบวนการที่ร่างกายนำพลังงานที่ได้จากสารอาหารมาใช้ในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์เนื้อเยื่อต่าง ๆ รวมถึงโมเลกุลที่มีความซับซ้อนภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อ กระดูก คอลลาเจน และเอนไซม์

 

ระบบเผาผลาญ : อัตราการเผาผลาญ (Metabolic Rate) 

อัตราการเผาผลาญ (Metabolic Rate) คือ ปริมาณพลังงานที่ร่างกายใช้ในชีวิตประจำวันตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็น การทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือการทำงานของกระบวนการพื้นฐานของร่างกาย เช่น  การหายใจ การไหลเวียนเลือด และการซ่อมแซมเซลล์ โดยพลังงานนี้จะมีหน่วยวัดที่เรียกว่า แคลอรี

 

ระบบเผาผลาญ : ประเภทของอัตราการเผาผลาญ

อัตราการเผาผลาญ (Metabolic Rate) มีหลายประเภทและหลายปัจจัย ซึ่งแต่ละประเภทนั้นมีความสำคัญที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน (Basal Metabolic Rate – BMR)

อัตราการเผาผลาญพื้นฐาน BMR คือ พลังงานที่ร่างกายใช้เพื่อทำงานพื้นฐานในขณะพัก เช่น การหายใจ การทำงานของหัวใจ การไหลเวียนเลือด และการรักษาอุณหภูมิในร่างกาย  โดยไม่รวมพลังงานจากการทำกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งอัตราการเผาผลาญของร่างกาย เป็นแหล่งพลังงานส่วนใหญ่ที่ร่างกายนำไปใช้ในแต่ละวัน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 50-80 โดยทั่วไป

  • อัตราการเผาผลาญจากการออกกำลังกาย (Activity Metabolic Rate)

พลังงานที่ร่างกายใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวัน เช่น การเดิน การยกของ หรือการออกกำลังกาย  โดยค่านี้จะขึ้นอยู่กับน้ำหนัก อายุ สุขภาพ และประเภทของกิจกรรมที่ทำ ยิ่งมีการเคลื่อนไหวมาก อัตราการเผาผลาญก็ยิ่งสูงขึ้น ช่วยลดไขมันได้ โดยการคำนวณพลังงานที่เผาผลาญได้นั้นจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นร่วมด้วย

  • อัตราการเผาผลาญในขณะพัก (Resting Metabolic Rate – RMR)

อัตราการเผาผลาญในขณะพัก (Resting Metabolic Rate – RMR) คือ ปริมาณพลังงานที่ร่างกายใช้ในขณะพักผ่อนเพื่อทำหน้าที่พื้นฐานต่าง ๆ เช่น การหายใจ การสูบฉีดเลือด การทำงานของสมอง และการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย โดยปกติ RMR คิดเป็นประมาณ 60–75% ของพลังงานรวมที่ร่างกายใช้ต่อวัน (TDEE) และมักใช้ในการประเมินพลังงานที่ใช้จริงในชีวิตประจำวันมากกว่า BMR เพราะสะดวกต่อการวัดและใกล้เคียงสภาวะจริง

  • พลังงานความร้อนที่ใช้ในระบบทางเดินอาหาร (Thermic Effect of Food -TEF) 

พลังงานความร้อนที่ใช้ในระบบทางเดินอาหาร Thermic Effect of Food (TEF) คือ พลังงานที่ร่างกายต้องใช้ในกระบวนการเผาผลาญย่อย ดูดซึม และกักเก็บสารอาหารที่ได้รับหลังจากการบริโภค โดยกระบวนการเหล่านี้ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนระบบทางเดินอาหารและอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการย่อยอาหาร เช่น กระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับ ตับอ่อน และไต โดยทั่วไป TEF จะคิดเป็นประมาณ 10% ของ Total Daily Energy Expenditure (TDEE) หรือพลังงานรวมที่ร่างกายใช้ในหนึ่งวัน โดยอาหารแต่ละอย่างจะเพิ่มอัตราการเผาผลาญพลังงานในจำนวนที่ต่างกันไป

 

ระบบเผาผลาญ เมตาบอลิซึมสำคัญอย่างไร ?

ระบบเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึม (Metabolism) เป็นกระบวนการที่มีผลต่อร่างกาย เนื่องจากช่วยรักษาภาวะสมดุลในร่างกาย โดยระบบเผาผลาญนั้นจะมีความสำคัญต่อร่างกายอยู่ 2 ลักษณะ คือ

  • ระบบเผาผลาญทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มให้เป็นพลังงาน
  • ระบบเผาผลาญมีผลต่อการควบคุมน้ำหนักตัว

 

ระบบเผาผลาญมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานไหม ?

ระบบเผาผลาญมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานไหม ?

 

ระบบเผาผลาญมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานไหม ?

ประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญ (Metabolism) ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่สัมพันธ์กับการใช้พลังงานของร่างกาย ดังนี้

  • อายุส่งผลต่อระบบเผาผลาญ

อายุ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการทำงานระบบเผาผลาญ โดยร่างกายจะเกิดการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อจะลดจำนวนลง และทำให้อัตราการเผาผลาญค่อย ๆ ลดลงไป นอกจากนี้ยิ่งอายุมากขึ้นยังสัมพันธ์กับการสะสมไขมันที่เพิ่มได้ง่ายมากขึ้น

  • เพศส่งผลต่อระบบเผาผลาญ

เพศสามารถส่งผลต่อระบบเผาผลาญได้ โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายจะมีมวลกล้ามเนื้อมากกว่าผู้หญิง และมีมวลไขมันสะสมน้อยกว่า ผู้ชายจึงมีระบบเผาผลาญที่ดีกว่าผู้หญิง แม้มีน้ำหนักและอายุที่เท่ากัน เนื่องจากอวัยวะภายในร่างกายของผู้ชายมีการใช้พลังงานที่มากกว่า ทำให้มีส่วนช่วยเพิ่มการใช้พลังงานที่มากกว่า

  • มวลกล้ามเนื้อส่งผลต่อระบบเผาผลาญ

มวลกล้ามเนื้อ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีบทบาทที่สำคัญต่อระบบเผาผลาญ ผู้ที่มีกล้ามเนื้อมากกว่า จะมีระบบเผาผลาญที่ดีกว่าแม้จะไม่ได้ออกกำลังกาย ซึ่งการออกกำลังกาย หรือการเวทเทรนนิ่งจะช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญได้ในระยะยาว และยังช่วยลดไขมันสะสมได้

  • ฮอร์โมนและพันธุกรรมส่งผลต่อระบบเผาผลาญ

ฮอร์โมนและพันธุกรรมมีผลต่อการควบคุมระบบเผาผลาญ ซึ่งฮอร์โมนหลายชนิดสามารถกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึม หรือส่งผลต่อระบบเผาผลาญได้ เช่น ฮอร์โมนไทรอยด์ (thyroid hormones) หรือฮอร์โมนเลปติน (leptin) นอกจากนี้ พันธุกรรมยังส่งผลต่ออัตราการเผาผลาญพื้นฐานที่แตกต่างกันโดยกำเนิด เช่น บางคนเผาผลาญได้ดีแม้กินเยอะ ขณะที่บางคนเผาผลาญช้ากว่าปกติ

  • อุณหภูมิร่างกายและสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ

อุณหภูมิร่างกายและสิ่งแวดล้อม สามารถส่งผลต่อระบบเผาผลาญ ร่างกายต้องใช้พลังงานในการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ประมาณ 37°C หากอยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น หรือร่างกายมีอาการป่วยติดเชื้อ หรือมีไข้ จะทำให้อัตราการเผาผลาญในร่างกายเพิ่มขึ้น เพื่อทำการรักษาอุณหภูมิ และเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อสู้กับเชื้อโรค

  • กิจกรรมทางกายภาพส่งผลต่อระบบเผาผลาญ

กิจกรรมต่าง ๆ สามารถส่งผลต่อระบบเผาผลาญได้ เช่น การออกกำลังกาย หรือขยับร่างกายบ่อย ๆ จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น เช่น การออกกำลังกายแบบ HIIT หรือการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน เช่น เดินไปเดินมา การขยับแขน ขา ก็สามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ขึ้น และช่วยลดไขมันได้เป็นอย่างดี

 

ระบบเผาผลาญ (Metabolism) กับการควบคุมน้ำหนัก

ระบบเผาผลาญ ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อการควบคุมน้ำหนักและการลดไขมัน เนื่องจากเป็นตัวที่ช่วยกำหนดว่าร่างกายของเรานั้นมีการใช้พลังงานไปมากหรือน้อยเพียงใดต่อวัน หากระบบเผาผลาญทำงานได้ช้า ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง และทำให้น้ำหนักลดได้ยาก แต่หากระบบเผาผลาญทำงานได้ดี ร่างกายจะสามารถเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ช่วยให้ควบคุมน้ำหนัก และลดไขมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งการควบคุมน้ำหนักที่ดี ไม่ใช่แค่การกินน้อย แต่ควรรักษาหรือเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากพอในแต่ละวัน

 

วิธีลดไขมัน โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

วิธีลดไขมัน โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

 

วิธีลดไขมัน โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

สำหรับใครที่อยากจะควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันให้ได้ประสิทธิภาพ การดูแลระบบเผาผลาญให้ทำงานปกติ ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่จะช่วยได้ เพราะหากระบบเผาผลาญเกิดความผิดปกติ อาจส่งให้เกิดน้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว และอาจส่งผลให้สุขภาพทรุดโทรมได้ หากอยากลดไขมันอย่างปลอดภัยและยั่งยืน โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง มีดังนี้

  • ทานอาหารให้เพียงพอและเหมาะสมช่วยลดไขมันได้ 

การทานอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และเป็นอาหารที่มีประโยชน์เหมาะสมกับร่างกาย จะช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพโดยรวม และช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ปกติ ไม่ควรทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไป เพราะพลังงานส่วนเกินจะถูกเก็บเป็นไขมัน ทำให้เกิดไขมันสะสมได้ และอาจทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้า

  • กำหนดสัดส่วนอาหารให้เหมาะสมช่วยลดไขมันได้ 

ลดไขมันด้วยการกำหนดสัดส่วนสารอาหารให้มีความเหมาะสมและสมดุล จะช่วยทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานได้ขึ้น และป้องกันการสะสมไขมัน ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยสามารถปรับสัดส่วนอาหาร โดยเน้นรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ผักผลไม้ และไขมันดี 

  • ไม่อดอาหารช่วยลดไขมันได้ 

วิธีลดไขมันโดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง ควรหลีกเลี่ยงการอดอาหาร เพราะจะทำให้ร่างกายเกิดความหิวโซ และทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลง เนื่องจากคิดว่าร่างกายเกิดอันตราย จึงต้องเก็บสะสมพลังงานสำรองเอาไว้ การลดไขมันโดยการอดอาหารจะทำให้ระบบเผาผลาญพัง และการกลับมาทานอาหารปกติทันทีจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือที่เรียกว่า โยโย่เอฟเฟกต์ (Yoyo Effect) หากต้องการฟื้นฟูระบบเผาผลาญให้กลับมาทำงานได้ปกติ ควรค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารทีละน้อย และปรับสัดส่วนสารอาหารให้เหมาะสม โดยไม่ต้องเร่งรีบ

  • ออกกำลังกายเป็นประจำช่วยลดไขมันได้ 

วิธีลดไขมันโดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง คือ การออกกำลังกาย สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ และช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้มากขึ้น ซึ่งกล้ามเนื้อจะช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น ช่วยลดไขมันสะสมในร่างกาย ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 120-150 นาทีต่อสัปดาห์ เช่น การคาร์ดิโอ การเดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน ร่วมกับการเวทเทรนนิ่ง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงช่วยเพิ่มอัตราการลดไขมัน แต่ยังช่วยป้องกันการลดลงของมวลกล้ามเนื้อ และรักษาระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ปกติในระยะยาว

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียดช่วยลดไขมันได้ 

วิธีลดไขมันโดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด เนื่องจากการนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้ฮอร์โมนเลปติน (Leptin) และฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) เสียสมดุล จึงส่งผลให้ความอยากอาหารเพิ่มขึ้น และระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าลง ควรนอนอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน นอกจากนี้ความเครียดสูง ยังทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งอาจทำให้เผาผลาญช้าลงและสะสมไขมันรอบเอวได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ก่อนเข้ารับการบริการ ควรแจ้งประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัวให้ละเอียด

 

ตัวช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

ตัวช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

 

ตัวช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วน ไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง

เทคโนโลยีทางการแพทย์ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลดไขมัน ควบคุมน้ำหนัก โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง ในเทคโนโลยีบางประเภทยังถูกพัฒนามาเพื่อช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ (Metabolism) และช่วยลดไขมันส่วนเกินได้ ดังนี้

  • Duo Slim Max 

Duo Slim Max เทคโนโลยีลดไขมัน กระชับสัดส่วนโดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูง Monopolar RF ทำงานร่วมกับคลื่น Ultrasound โดยจะส่งพลังงานความร้อนไปยังผิวหนังชั้นแท้ และชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว และช่วยปรับโครงสร้างของคอลลาเจนให้เรียงตัวได้ดีขึ้น ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดเลือนริ้วรอย ขจัดเซลลูไลท์ รอยแตกลาย ทั้งยังช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิวได้ โดย Duo Slim Max สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผล และมีความเจ็บน้อย

  • Oligio Body

Oligio Body ทางเลือกลดไขมัน ยกกระชับผิว ด้วยการใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่สูง (Monopolar RF) 6.78 MHz ส่งพลังงานลงไปที่ชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน 4.3 มิลลิเมตร โดยคลื่นจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยลดไขมันส่วนเกิน ลดเลือนริ้วรอย พร้อมช่วยยกกระชับผิวกายให้กลับมาเต่งตึง Oligio Body สามารถช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้โดยไม่ส่งผลต่อระบบเผาผลาญ และสามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและลำตัว ไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก กรอบหน้า เหนียง  หน้าท้อง ต้นแขน และต้นขา โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น หลังทำสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ภายใน 3 เดือน

  • Fit Shape Body

Fit Shape Body เทคโนโลยีลดไขมัน กระชับสัดส่วนที่ได้รับความนิยมสูง ช่วยลดไขมันสะสมได้โดยไม่ทำลายระบบเผาผลาญ มาพร้อมเทคโนโลยี Capacitive Resistive Monopolar Radiofrequency (CRMRF) ที่ใช้พลังงานคลื่นความถี่วิทยุที่ 448 kHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทั้งยังถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มายาวนานกว่า 35 ปี โดยพลังงานจะเข้าไปช่วยลดไขมันส่วนเกินใต้ชั้นผิว และไขมันในช่องท้อง กระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย ลดความหย่อนคล้อยของผิว กระชับสัดส่วน ลดการเกิดเซลลูไลท์ พร้อมช่วยฟื้นฟู อมแซมเนื้อเยื่อชั้นลึกได้อย่างตรงจุด โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ  นอกจากนี้ Fit Shape Body ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาสุขภาพได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า

  • Fix Lift Body 

Fix Lift Body เป็นเทคโนโลยีลดไขมันพร้อมกระชับสัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัดจากสหรัฐอเมริกา ใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุที่มีความเสถียรสูง (Monopolar RF)  โดยพลังงานสามารถผ่านชั้นผิวได้หลายระดับ พลังงานจะส่งผ่านหัว Body Tip ที่ออกแบบมาเพื่อผิวกายโดยเฉพาะ ที่จะช่วยกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิว พร้อมช่วยยกกระชับผิวให้เรียบเนียน ช่วยลดการเกิดเซลลูไลท์ และช่วยให้ไขมันใต้ชั้นผิวเกิดการหดตัว ลดไขมันเฉพาะจุดโดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายพัง Fix Lift Body สามารถทำได้ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง หรือสะโพก

Coolsculpting เทคโนโลยีลดไขมันด้วยความเย็น (Cryolipolysis) โดยจะใช้ความเย็นจัด แช่แข็งเซลล์ไขมันให้กลายเป็นน้ำแข็ง วิธีนี้จะช่วยทำให้เซลล์ไขมันตายอย่างเป็นธรรมชาติ (Cellapoptosis) จากนั้นไขมันจะค่อย ๆ สลายออกตามระบบกลไกของร่างกาย โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง Coolsculpting ช่วยลดไขมันเฉพาะจุดได้ทั่วร่างกาย ทั้งยังช่วยกระชับรูปร่างได้ สามารถลดไขมันได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องพักฟื้น และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากได้การรับรองมาตรฐานจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา

  • Body Firm

Body Firm คือ เทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างมวลกล้ามเนื้อ ทั้งยังช่วยลดไขมัน กระชับสัดส่วนได้โดยไม่ต้องผ่าตัด  ด้วยการใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าแบบความเข้มสูง HIFEM (High-Intensity Focused Electromagnetic) เข้าไปช่วยกระตุ้นการหดเกร็งของกล้ามเนื้อในระดับลึกอย่างต่อเนื่องและรุนแรง (Supramaximal Contraction) เทียบเท่ากับการซิทอัพ 20,000 ครั้งภายใน 30 นาที  Body Firm จึงมีส่วนช่วยในการกระชับสัดส่วน สร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมันได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขน หรือต้นขา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อและลดไขมันพร้อมกัน

  • Slim & Slender

Slim & Slender หรือ เปปไทด์คุมหิว ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดไขมัน พร้อมกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญให้ดีมากขึ้น Slim & Slender คือ เปปไทด์ที่เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมน GLP-1 (Glucagon-Like Peptide-1) ช่วยควบคุมความอยากอาหาร ลดความหิว ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว อิ่มนาน  เพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญในร่างกาย พร้อมช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งอินซูลิน และลดการหลั่งของกลูคากอน จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมัน ควบคุมน้ำหนักโดยไม่ทำให้เกิดการโยโย่

  • Body Slim

Body Slim ทางเลือกลดไขมันเฉพาะจุดยอดนิยม โดยไม่ทำให้ระบบเผาผลาญพัง ช่วยลดไขมัน พร้อมลดการเกิดเซลลูไลท์ และกระชับสัดส่วนได้หลายบริเวณ ไม่ว่าจะเป็น แก้ม เหนียง ต้นแขน ต้นขา Body Slim จะทำให้ไขมันเกิดการแตกตัว และไขมันนั้นจะถูกขับออกผ่านระบบขับถ่ายตามธรรมชาติ ไม่ทำให้เกิดอันตราย และเห็นผลได้ไว

 

ทั้งนี้ ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น ก่อนเข้ารับการบริการ ควรแจ้งประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัวให้ละเอียด

 

ระบบเผาผลาญพัง ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ

ระบบเผาผลาญที่ช้า ส่งผลต่อสุขภาพหรือไม่ ? ต้องบอกเลยว่า หากระบบเผาผลาญทำงานช้าลง อาจจะทำให้ร่างกายใช้พลังงานได้น้อยกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลให้พลังงานที่เหลือถูกเก็บสะสมในรูปของไขมันส่วนเกินได้ง่าย ลดไขมันได้น้อย และอาจส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ดังนี้

  • ระบบเผาผลาญทำงานช้าทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นง่าย

ระบบเผาผลาญที่ช้าจะทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง พลังงานส่วนเกินจึงถูกสะสมเป็นไขมันตามร่างกาย แม้จะรับประทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมหรือน้อยลง ก็อาจจะส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ

  • ระบบเผาผลาญทำงานช้าทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย

ระบบเผาผลาญที่ช้าทำให้การเปลี่ยนอาหารเป็นพลังงานลดลง จึงอาจทำให้ร่างกายมีพลังงานไม่เพียงพอต่อการทำกิจกรรมประจำวัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยง่าย และอ่อนเพลียกว่าปกติ

  • ระบบเผาผลาญทำงานช้าทำให้มีความเสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

ระบบเผาผลาญที่ทำงานช้า จะส่งผลต่อการจัดการระดับน้ำตาลภายในร่างกาย และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน และนำไปสู่โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้

  • ระบบเผาผลาญทำงานช้าทำให้ระดับไขมันในเลือดสูงขึ้น

หากระบบเผาผลาญไขมันทำงานช้าลง อาจส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายสูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

  • ระบบเผาผลาญทำงานช้าทำให้รู้สึกหนาวง่ายหรืออุณหภูมิร่างกายต่ำ

เนื่องจากระบบเผาผลาญพลังงานมีส่วนในการสร้างความร้อน เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ หากระบบเผาผลาญทำงานได้ช้าอาจสร้างความร้อนได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้รู้สึกหนาวง่าย

 

โรคที่เกิดจากระบบเผาผลาญผิดปกติ

โรคที่เกิดจากระบบเผาผลาญผิดปกติ

 

โรคที่เกิดจากระบบเผาผลาญผิดปกติ 

ระบบเผาผลาญ (Metabolism) เป็นกระบวนการภายในร่างกายที่ทำหน้าที่เปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มให้เป็นพลังงานที่นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงการสร้างและซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย ซึ่งหากระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ อาจจะส่งผลให้เกิดโรคเรื้อรังหรือภาวะต่าง ๆ ได้ เช่น

  • โรคอ้วน (Obesity)
  • ภาวะไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
  • ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ (Thyroid Disorders)
  • ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)
  • โรคทางพันธุกรรมเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ (Inherited Metabolic Disorders)

 

ระบบเผาผลาญ หรือเมตาบอลิซึม (Metabolism) เป็นระบบที่มีความสำคัญต่อร่างกายอย่างมาก เพราะสามารถช่วยรักษาภาวะสมดุลของร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ และยังมีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการลดไขมัน ควบคุมน้ำหนัก เพราะระบบเผาผลาญที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มคุณภาพในการลดไขมัน และดูแลสุขภาพในระยะยาวได้ สำหรับใครที่สนใจปั้นหุ่น ดูแลรูปร่าง สามารถปรึกษาได้ที่  รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

[elementor-template id="15452"]