บทความ
วิธีกระตุ้นคอลลาเจน

รวมวิธีกระตุ้นคอลลาเจน ปลุกผิวให้ดูอ่อนกว่าวัย ทำวิธีไหนได้บ้าง?

คอลลาเจนเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่มีความสำคัญต่อร่างกาย และผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และกระชับจากภายใน แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายก็จะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ทำให้เกิดสัญญาณเตือนของผิวที่กำลังขาดคอลลาเจน เช่น ริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย และแห้งกร้าน วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับวิธีกระตุ้นคอลลาเจนว่า สามารถทำได้กี่วิธี? มีวิธีอะไรบ้าง? พร้อมแนะนำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม และทำความรู้จักว่า คอลลาเจนคืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร? ทำไมถึงสำคัญต่อผิว? บทความนี้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้แล้ว

 

คอลลาเจนคืออะไร? สำคัญต่อผิวอย่างไร?

คอลลาเจนคืออะไร? สำคัญต่อผิวอย่างไร?

 

คอลลาเจนคืออะไร? สำคัญต่อผิวอย่างไร?

คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายที่มีลักษณะเป็นสายเกลียว รวมตัวกันเป็นเส้นใยคอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักของผิวหนัง เส้นเอ็น และกระดูก โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ 1 และคอลลาเจนชนิดที่ 3 ที่เกี่ยวข้องกับความยืดหยุ่น ความกระชับ และความชุ่มชื้นของผิวโดยตรง แต่เมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป ร่างกายจะค่อย ๆ ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง เฉลี่ยปีละประมาณ 1 – 1.5% ทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อย แห้งกร้าน หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอย ร่องลึกได้ง่าย ดังนั้นการกระตุ้นคอลลาเจน จึงเป็นทางเลือกสำคัญที่ช่วยดูแลผิวให้ดูอ่อนกว่าวัยจากภายใน

 

ประโยชน์ของคอลลาเจนต่อผิวมีอะไรบ้าง?

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อผิวหลายด้าน ดังนี้

  • ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นให้ผิว
  • ช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ รวมถึงร่องลึก
  • ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันผิวสูญเสียน้ำ
  • ช่วยปรับผิวให้เรียบเนียน และละเอียดมากขึ้น
  • ช่วยเสริมกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่
  • ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และสมานแผลให้หายเร็วขึ้น

 

คอลลาเจนมีกี่ชนิด?

โดยทั่วไปคอลลาเจนจะมีหลากหลายชนิด แต่คอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อร่างกาย และพบได้บ่อยจะมีอยู่ 5 ชนิดหลัก ๆ ได้แก่

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1

คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) เป็นคอลลาเจนที่มีความสำคัญต่อผิว โดยคิดเป็น 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งมีหน้าที่ในการเพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มความกระชับให้ผิว โดยสามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้บ่อยในผิวหนัง เส้นเอ็น กระดูก หลอดเลือด และอวัยวะภายใน

  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 

คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นคอลลาเจนที่สามารถพบได้บ่อยในกระดูกอ่อน และข้อต่อ ซึ่งมีหน้าที่ในการเพิ่มความยืดหยุ่น รองรับการกระแทก และเสริมความแข็งแรงให้ข้อต่อ

  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 

คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) เป็นคอลลาเจนที่มีกลไกการทำงานร่วมกับคอลลาเจนชนิดที่ 1 ซึ่งมีหน้าที่ในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโครงสร้างผิว โดยสามารถพบคอลลาเจนชนิดนี้ได้บ่อยในผิวหนัง หลอดเลือด กล้ามเนื้อ กระดูก และอวัยวะภายใน

  • คอลลาเจนชนิดที่ 4

คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Collagen Type IV) เป็นคอลลาเจนที่มีความเฉพาะตัว โดยสามารถพบได้บ่อยในชั้นเยื่อบุผิว (Basement membrane) ซึ่งมีหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักในการยึดเกาะ และรองรับเซลล์ผิว รวมถึงมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท และเส้นเลือด  

  • คอลลาเจนชนิดที่ 5

คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) เป็นคอลลาเจนที่สามารถพบได้บ่อยในเส้นผม เล็บ รก และกระจกตา ซึ่งมีหน้าที่ในการควบคุมการจัดเรียงตัวของเซลล์ผิว และคอลลาเจน โดยเฉพาะคอลลาเจนชนิดที่ 1 รวมถึงเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นผม และเล็บ

 

รวมวิธีกระตุ้นคอลลาเจนมีอะไรบ้าง?

รวมวิธีกระตุ้นคอลลาเจนมีอะไรบ้าง?

 

รวมวิธีกระตุ้นคอลลาเจนมีอะไรบ้าง?

การกระตุ้นคอลลาเจนสามารถทำได้หลากหลายวิธี ทั้งการกระตุ้นคอลลาเจนแบบกิน แบบทา และแบบฉีด ซึ่งแต่ละวิธีก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

  • วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบกิน

การกินอาหารเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ ได้แก่

  • กินอาหารที่มีโปรตีน

การกินอาหารที่มีโปรตีนมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากคอลลาเจนเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนจำเป็นหลายตัว ซึ่งแหล่งอาหารที่มีโปรตีนที่ดีสามารถพบได้บ่อยในไข่ ปลา ไก่ เต้าหู้ ถั่วเหลือง และโยเกิร์ต

  • กินอาหารที่มีวิตามินซี

การกินอาหารที่มีวิตามินซีมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากวิตามินซีเป็นหัวใจสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินซีสูงสามารถพบได้บ่อยในผัก และผลไม้ เช่น บรอกโคลี มะเขือเทศ พริกหวาน ส้ม มะนาว ฝรั่ง มะละกอ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี

  • กินอาหารที่มีวิตามินเอ

การกินอาหารที่มีวิตามินเอมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากวิตามินเอสามารถลดการเสื่อมของคอลลาเจน และช่วยกระตุ้นการทำงานเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ต้นกำเนิดคอลลาเจน และอีลาสติน โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินเอสูงสามารถพบได้บ่อยในตับ ไข่แดง นม รวมถึงผักที่สีเหลืองส้ม และสีเขียวเข้ม เช่น แครอท ฟักทอง มันเทศ ผักโขม ผักบุ้ง

  • กินอาหารที่มีสังกะสี

การกินอาหารที่มีสังกะสีมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจนทางอ้อม เนื่องจากสังกะสีเป็นแร่ธาตุที่ทำหน้าที่เป็นโคแฟกเตอร์ของเอนไซม์หลายชนิดที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์คอลลาเจน และซ่อมแซมเซลล์ผิว ซึ่งแหล่งอาหารที่มีสังกะสีสูงสามารถพบได้บ่อยในหอยนางรม ไก่ ถั่วเปลือกแข็ง บรอกโคลี และธัญพืชไม่ขัดสี

  • กินอาหารที่มีทองแดง

การกินอาหารที่มีทองแดงมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากทองแดงมีบทบาทในการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงคอลลาเจน และอีลาสตินเข้าด้วยกัน ซึ่งแหล่งอาหารที่มีทองแดงสูงสามารถพบได้บ่อยในตับ หอยนางรม เห็ด ผักใบเขียว เมล็ดพืช และถั่วเปลือกแข็ง

 

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบทา

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบทา

 

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบทา

การทาสกินแคร์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารกระตุ้นคอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ ได้แก่

  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี

การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C) มีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากวิตามินซีมีคุณสมบัติในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และยับยั้งการสร้างเม็ดสี พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง แข็งแรง และจุดด่างดำดูจางลง

  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล

การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol) หรืออนุพันธ์วิตามินเอมีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากเรตินอลมีคุณสมบัติในการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนริ้วรอย และยับยั้งการทำลายคอลลาเจน พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง กระจ่างใส และรูขุมขนกระชับ

  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์

การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides) มีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากเปปไทด์เป็นโมเลกุลโปรตีนขนาดเล็กที่มีคุณสมบัติในการส่งสัญญาณไปยังเซลล์ผิว ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน และกระชับ

  • ใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์

การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือวิตามินบี 3 มีส่วนช่วยในการกระตุ้นคอลลาเจน เนื่องจากไนอะซินาไมด์มีคุณสมบัติในการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ และปกป้องผิวจากสารอนุมูลอิสระ พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความกระจ่างใส ชุ่มชื้น แข็งแรง กระชับ และเรียบเนียน

 

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบฉีด

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบฉีด

 

วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบฉีด

การทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ได้แก่

  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Biostimulator

การทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Biostimulator เป็นการฉีดสารชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนโดยตรง เช่น Poly-L-lactic acid (PLLA), Calcium Hydroxylapatite (CaHA) หรือ Polycaprolactone (PCL) ซึ่งสารนี้จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพตามวัย โดยในปัจจุบันการทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Biostimulator มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น Sculptra, Radiesse, Ultracol หรือ Collaju ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่น ส่วนประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Hybrid Filler

การทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Hybrid Filler เป็นการฉีดสาร Hyaluronic Acid (HA) และ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จะเข้าไปยกกระชับผิว ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่ในขั้นตอนเดียว ทำให้ได้ผลลัพธ์แบบ Dual Effect ทั้งในระยะสั้น และในระยะยาว โดยในปัจจุบันการทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Hybrid Filler มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น HArmonyCa Filler ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่น ส่วนประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Skin Booster

การทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Skin Booster เป็นการฉีดสารชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพผิว และกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ เช่น  Polynucleotide (PN) หรือ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งสารนี้จะเข้าไปกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินใหม่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งซ่อมแซมผิวที่เสียหาย และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน โดยในปัจจุบันการทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนกลุ่ม Skin Booster มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ เช่น Rejuran ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่น ส่วนประกอบ กลไกการทำงาน และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ

 

แนะนำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม

แนะนำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม

 

แนะนำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนยอดนิยม

ในปัจจุบันโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง

Sculptra

  • สารประกอบ : Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ร่วมกับ Carboxymethylcellulose (CMC) และ Mannitol 
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และฟื้นฟูโครงสร้างผิวชั้นลึกที่เสื่อมสภาพ พร้อมปรับผิวให้แข็งแรง ยกกระชับ และเพิ่มความหนาแน่นให้ผิว
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ หน้าแก้ม โหนกแก้ม ขมับ และกรอบหน้า
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย มีริ้วรอย ร่องลึก และมีผิวหลวมจากการขาดคอลลาเจน
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 2 – 3 ครั้ง เว้นระยะห่างกันประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Radiesse

  • สารประกอบ : Calcium Hydroxylapatite (CaHA) และ Carboxymethylcellulose (CMC)
  • คุณสมบัติ : ช่วยเสริมปริมาตรให้ผิว และกระตุ้นสารที่มีประโยชน์ต่อผิวแบบครบถ้วนถึง 5 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1, คอลลาเจนชนิดที่ 3, อีลาสติน, สารน้ำหล่อเลี้ยงผิว และสารอาหารผิว
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ หน้าแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ร่องมุมปาก ขมับ กรอบหน้า และหลังมือ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวสูญเสียปริมาตร ขาดวอลลุ่ม ใบหน้าดูหย่อนคล้อย แก้มห้อย และมีริ้วรอย ร่องลึก
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 1 – 3 ครั้ง เว้นระยะห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Ultracol

  • สารประกอบ : Polydioxanone (PDO) และ Carboxymethylcellulose (CMC)
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และคอลลาเจนชนิดที่ 3 พร้อมเพิ่มความแน่นกระชับ ลดเลือนริ้วรอย และปรับโทนสีผิวให้มีความกระจ่างใส
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ ใต้ตา หน้าผาก หน้าแก้ม ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ลำคอ และหลังมือ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวหลวมจากการขาดคอลลาเจน ใบหน้าดูหย่อนคล้อย มีริ้วรอย ร่องลึก และผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง เว้นระยะห่างกันประมาณ 4 – 6 เดือน เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Profhilo

  • สารประกอบ : Hyaluronic Acid (HA) แบบไม่เชื่อมพันธะ (Non-Crosslinked)
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนมากถึง 4 ชนิด ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่ 1, คอลลาเจนชนิดที่ 3, คอลลาเจนชนิดที่ 4 และคอลลาเจนชนิดที่ 7 พร้อมฟื้นฟูโครงสร้างผิวแบบ Bio-Remodeling
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ ใต้ตา หน้าแก้ม แนวกราม รอบมุมปาก ลำคอ แขน หลังมือ หน้าอก และเข่า
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนกว้าง มีหลุมสิว ผิวแห้งกร้าน ไม่กระชับ ขาดความหนาแน่น และมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ 
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 2 ครั้ง เว้นระยะห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Karisma Rh Collagen

  • สารประกอบ : Collagen Polypeptide a1 Chain R (Rh Collagen) ร่วมกับ High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMW – HA) และ Carboxymethylcellulose (CMC)
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 พร้อมด้วยคอลลาเจนชนิดที่ 2 และคอลลาเจนชนิดที่ 3 รวมถึงเติมเต็มริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และความยืดหยุ่นให้ผิว
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ ใต้ตา หน้าผาก ระหว่างคิ้ว หน้าแก้ม ร่องแก้ม หน้าอก และลำคอ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน รูขุมขนไม่กระชับ มีหลุมสิว รอยสิว ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง เว้นระยะห่างจากครั้งที่ 1 ประมาณ 4 สัปดาห์ และเว้นระยะห่างจากครั้งที่ 2 ประมาณ 4 – 8 เดือน เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Collaju

  • สารประกอบ : Atelocollagen Type 1 หรือคอลลาเจนบริสุทธิ์สูง 
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และเติมเต็มช่องว่างจากการสูญเสียคอลลาเจน พร้อมปรับปรุงโครงสร้างผิว และซ่อมแซมผิวที่เสื่อมสภาพ
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ ใต้ตา หน้าผาก หน้าแก้ม แก้มตอบ ร่องแก้ม ปาก กรอบหน้า และลำคอ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย หนังตาตก แก้มตอบ มุมปากตก ผิวบางจากการขาดคอลลาเจน ผิวแห้ง รูขุมขนกว้าง ขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอย ร่องลึก
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 1 – 2 ครั้ง เว้นระยะห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 4 – 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

HArmonyCa

  • สารประกอบ : Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชนิดที่ 1 และคอลลาเจนชนิดที่ 3 พร้อมยกกระชับผิวบริเวณที่หย่อยคล้อยตามวัย
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ หน้าแก้ม โหนกแก้ม แก้มตอบ คาง กรอบหน้า และแนวขากรรไกร
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มห้อย ขาดความกระชับ กรอบหน้าไม่ชัด ผิวหลวมจากการขาดคอลลาเจน และมีริ้วรอย ร่องลึก
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีดเพียง 1 ครั้ง ก็สามารถทำให้สารออกฤทธิ์ในการกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างเต็มที่ โดยไม่จำเป็นต้องฉีดบ่อย
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Rejuran

  • สารประกอบ : Polynucleotide (PN) 
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจากชีวิตประจำวัน เช่น ฝุ่น ควัน แสงแดด มลภาวะ พร้อมลดการอักเสบ และเสริมเกราะป้องกันผิว
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ ใต้ตา หน้าแก้ม หน้าผาก ร่องแก้ม ร่องมุมปาก ลำคอ และหลังมือ
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ดูโทรม ขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ผิวหมองคล้ำ ไม่กระชับ ขาดความยืดหยุ่น และมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 4 ครั้ง เว้นระยะห่างกันประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

Pluryal Densify

  • สารประกอบ : Hyaluronic Acid (HA) ร่วมกับ Polynucleotide (PN) และ Mannitol 
  • คุณสมบัติ : ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับปรุงคุณภาพผิว พร้อมเพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มความกระชับ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • บริเวณที่ฉีด : สามารถนำมาฉีดได้หลายบริเวณ ได้แก่ ทั่วหน้า รอยพับจมูก ร่องแก้ม ลำคอ หลังมือ และหน้าอก
  • เหมาะสำหรับ : ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน หมองโทรม รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบ ขาดความกระชับ ไม่ยืดหยุ่น และมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : แนะนำให้ฉีด 3 ครั้ง ต่อเนื่องกันประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อให้สารสามารถออกฤทธิ์ในการฟื้นฟูผิวได้อย่างเต็มที่
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีดสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตัวเอง

 

ข้อดีของการทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน

  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับการแก้ไขหลากหลายปัญหาผิว เช่น ริ้วรอย ร่องลึก ผิวหย่อนคล้อย แห้งกร้าน หรือดูหมองคล้ำ
  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน เมื่อเทียบกับการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีอื่น ๆ 
  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน
  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน สามารถย่อยสลายได้เองตามกระบวนการธรรมชาติ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย
  • โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน หลังฉีดเสร็จไม่ต้องมีการพักฟื้นนาน สามารถใช้ชีวิต หรือทำกิจกรรมได้ตามปกติ

 

จะเห็นได้เลยว่า การกระตุ้นคอลลาเจนสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นวิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบกิน วิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบทา และวิธีกระตุ้นคอลลาเจนแบบฉีด ซึ่งแต่ละวิธีนั้นก็มีข้อดี และตอบโจทย์กับความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนั้นสำหรับใครต้องการลงทุนเพื่อผิวอ่อนกว่าวัยในระยะยาว และต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วอย่างชัดเจน การทำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการดูแลผิว เนื่องจากสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพได้จากภายใน โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน แต่ทั้งนี้แนะนำให้เข้ารับการปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ โดยแพทย์จะช่วยประเมินสภาพผิว วิเคราะห์ปัญหา พร้อมแนะนำโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงตามความต้องการอย่างแท้จริง

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

[elementor-template id="15452"]