บทความ
Glass Skin ผิวกระจก คืออะไร

Glass Skin ผิวกระจก คืออะไร? ทำหัตถการไหนดี?

Glass Skin ผิวกระจก คืออะไร? ทำหัตถการไหนดี?

Glass Skin เป็นเทรนด์ผิวกระจกที่มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศเกาหลีใต้ และกลายเป็นกระแสที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจกันอย่างแพร่หลายในทั่วโลก โดยสะท้อนให้เห็นถึงผิวที่ดูสุขภาพดีจากภายในขั้นสุด โดยไม่ต้องเสียเวลาแต่งหน้าหนา ๆ ซึ่งในปี 2025 ไม่ว่าใครก็สามารถมีผิวแบบ Glass Skin ได้ หากใส่ใจการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม บทความนี้ จะพาไปเจาะลึกเกี่ยวกับผิวกระจก Glass Skin ว่าคืออะไร? ลักษณะผิวแบบไหนที่เรียกว่า Glass Skin? สามารถดูแลผิวให้ Glass Skin อย่างไร? และมีหัตถการอะไรช่วยให้ผิว Glass Skin ได้บ้าง? วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกรวมเคล็ดลับทั้งหมดมาไว้ให้แล้ว

 

Glass Skin เปิดเคล็ดลับผิวกระจก ทำหัตถการไหนตอบโจทย์? 

Glass Skin คืออะไร?

Glass Skin คือ สภาพผิวที่มีความเนียนละเอียด กระจ่างใส ดูฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และเปล่งประกายเหมือนกระจก ซึ่งเป็นเทรนด์ความงามที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยจะเน้นการบำรุงผิวอย่างลึกซึ้ง และฟื้นฟูผิวจากภายในสู่ภายนอก เพื่อให้ผิวดูสุขภาพดี และสะท้อนแสงอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ หรือใช้เครื่องสำอางทาหนา ๆ 

 

ลักษณะผิวแบบไหนที่เรียกว่า Glass Skin?

ลักษณะผิวแบบไหนที่เรียกว่า Glass Skin?

 

ลักษณะผิวแบบไหนที่เรียกว่า Glass Skin?

การมีผิวกระจก Glass Skin เป็นสัญลักษณ์ของผิวที่ดูสุขภาพดีในทุกมิติ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ ลักษณะของผิว Glass Skin  มีดังนี้

  • ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และไม่แห้งลอก
  • ผิวเรียบเนียน ปราศจากรอยสิว และจุดด่างดำ
  • ผิวละเอียด รูขุมขนกระชับ ปราศจากหลุมสิว และรอยแผลเป็น
  • ผิวกระจ่างใส เปล่งปลั่ง อมชมพู และสีผิวสม่ำเสมอ
  • ผิวยืดหยุ่น เด้งเฟิร์ม และเนียนนุ่มเหมือนผิวเด็ก
  • ผิวเต่งตึง อิ่มฟู ปราศจากริ้วรอย และร่องลึก
  • ผิวดูสุขภาพดี สะท้อนแสงเหมือนกระจก

 

7 พฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายผิว Glass Skin

7 พฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายผิว Glass Skin

 

7 พฤติกรรมเสี่ยงทำร้ายผิว Glass Skin 

ในชีวิตประจำวันผิวของเราต้องเผชิญกับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย หากเรามีพฤติกรรมที่ทำร้ายผิวเป็นประจำ ก็จะส่งผลให้ผิวอ่อนแอ เสื่อมสภาพ และเกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาได้ง่าย โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ที่ทำร้ายผิว Glass Skin มีดังนี้

  • การไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ 

การไม่ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว Glass Skin โดยตรง เนื่องจากรังสี UVA และ UVB คือตัวการสำคัญที่ทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว จนทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ริ้วรอยก่อนวัย รวมถึง ผิวหมองคล้ำ และขาดน้ำได้ง่าย

  • การทำความสะอาดผิวไม่เหมาะสม

การทำความสะอาดผิวไม่เหมาะสม เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว Glass Skin โดยไม่รู้ตัว เช่น ล้างหน้าไม่สะอาด ล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือล้างหน้ารุนแรงเกินไป อาจทำให้ผิวเกิดการอุดตัน และระคายเคือง จนเสี่ยงเป็นสิว ผิวแห้งตึง ขาดน้ำ และเกราะป้องกันผิวถูกทำลายได้ง่าย

  • การบำรุงผิวผิดวิธี

การบำรุงผิวผิดวิธี เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว Glass Skin โดยไม่รู้ตัว เช่น ใช้สกินแคร์หลายตัวเกินไป หรือใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว อาจทำให้ผิวระคายเคือง อุดตัน แห้งกร้าน และขาดน้ำได้ง่าย

  • การพักผ่อนไม่เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผิวไม่มีเวลาซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ จนส่งผลให้ผิวดูโทรม หมองคล้ำ ไม่สดใส และแห้งตึงได้ง่าย

  • การดื่มน้ำน้อย

การดื่มน้ำน้อย เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว Glass Skin โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกาย และผิวหนัง หากดื่มน้ำน้อยเกินไป อาจทำให้ผิวแห้งกร้าน แตกลอย ขาดความยืดหยุ่น และเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ง่าย

  • การสูบบุหรี่จัด

การสูบบุหรี่จัด เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว Glass Skin โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากสารพิษในบุหรี่จะเข้าไปทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ชั้นผิว รวมถึง จำกัดการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวได้รับออกซิเจน และสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย หมองคล้ำ หยาบกร้าน และเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่าย 

  • การดื่มแอลกอฮอล์

การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่ทำร้ายผิว Glass Skin โดยไม่รู้ตัว เนื่องจากแอลกอฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการอักเสบในร่างกาย และทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ผิวแดง ขาดน้ำ และสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย

 

เคล็ดลับดูแลผิวให้ Glass Skin ควรทำอย่างไร?

เคล็ดลับดูแลผิวให้ Glass Skin ควรทำอย่างไร?

 

เคล็ดลับดูแลผิวให้ Glass Skin ควรทำอย่างไร?

การดูแลผิวหน้าให้ Glass Skin สามารถด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่ปรับพฤติกรรม โดยไม่ต้องพึ่งการทำหัตถการความงาม มีดังนี้

  • การทำความสะอาดผิวอย่างเหมาะสม 

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรทำความสะอาดผิวอย่างเหมาะสมวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์ พาราเบน และน้ำหอม รวมถึง หลีกเลี่ยงการขัดถูผิวแบบรุนแรง เพื่อป้องกันผิวระคายเคือง และแห้งตึง

  • การผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรมีการผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนเป็นประจำ ประมาณ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไป ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส และพร้อมรับการบำรุงได้ดีขึ้น 

  • การใช้มอยส์เจอไรเซอร์

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรบำรุงผิวด้วยการใช้มอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว และเสริมเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง แต่แนะนำให้เลือกเนื้อครีมให้เหมาะสมกับสภาพผิว เช่น ผิวมันควรเลือกเนื้อเจลที่มีความบางเบา

  • การปกป้องผิวจากแสงแดด

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ซึ่งเป็นตัวการทำลายคอลลาเจน และอีลาสตินให้ชั้นผิว แต่แนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 PA+++ ขึ้นไป และควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

  • การมาส์กหน้าเป็นประจำ

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรมาสก์หน้าเป็นประจำ เพื่อเติมความชุ่มชื้น และฟื้นบำรุงให้ผิวอย่างลึกซึ้ง โดยแนะนำให้มาสก์หน้าอย่างน้อย 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และเลือกสูตรมาสก์ให้เหมาะสมกับปัญหาผิว เช่น ผิวแห้งควรเลือกสูตรเพิ่มความชุ่มชื้น และผิวหมองคล้ำควรเลือกสูตรกระจ่างใส

  • การดื่มน้ำให้มาก ๆ 

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อรักษาความสมดุลของน้ำในชั้นผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยแนะนำให้จิบน้ำบ่อย ๆ ตลอดทั้งวันอย่างน้อยวันละ 1.5 – 2 ลิตร หรือวันละ 8 – 10 แก้ว รวมถึง หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง กาแฟ และแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำได้ง่าย

  • การพักผ่อนให้เพียงพอ

หากอยากมีผิว Glass Skin ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวเกิดกระบวนการฟื้นฟู และซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแนะนำให้นอนหลับอย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง และเข้านอนในช่วงเวลา 22.00 น. – 02.00 น. เพื่อให้ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมาอย่างเต็มที่

 

รวมหัตถการผิวกระจก Glass Skin มีอะไรบ้าง?

รวมหัตถการผิวกระจก Glass Skin มีอะไรบ้าง?

 

รวมหัตถการผิวกระจก Glass Skin มีอะไรบ้าง?

การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่ หัตถการที่ได้รับความนิยมในการฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีแบบ Glass Skin มีดังนี้

ผิว Glass Skin ด้วย Rejuran

  • ส่วนประกอบ : Rejuran ใช้ส่วนประกอบของ Polynucleotide (PN) ซึ่งเป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน 
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Rejuran เข้าสู่ผิว สาร PN จะเข้าไปกระตุ้นกระบวนการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย พร้อมกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น เสริมความแข็งแรง และปรับปรุงคุณภาพผิวโดยรวมจากภายใน
  • ประโยชน์ : Rejuran ช่วยปรับผิวให้ฉ่ำวาว อิ่มน้ำ กระจ่างใส พร้อมช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว รวมถึง เสริมเกราะป้องกันผิว และลดการอักเสบ
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Rejuran แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 4 ครั้ง ห่างกันประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Rejuran ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ผิว Glass Skin ด้วย Belotero Revive

  • ส่วนประกอบ : Belotero Revive ใช้ส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ผสมกับ Glycerol (กลีเซอรอล) 
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Belotero Revive เข้าสู่ผิว สาร HA และ Glycerol จะเข้าไปกระจายตัวอย่างทั่วถึงในชั้นผิว เพื่อจับกับน้ำ และดึงน้ำมาเก็บไว้ในโมเลกุล ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น อิ่มฟู และยืดหยุ่นจากภายใน อีกทั้ง ยังปลอบประโลมผิว ลดการสูญเสียน้ำจากผิวชั้นนอก และเสริมเกราะป้องกันผิวให้มีความแข็งแรงอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • ประโยชน์ : Belotero Revive ช่วยฟื้นฟูผิวให้ดูสุขภาพดีมากถึง 4 มิติ ได้แก่ Skin Firmness, Skin Surface Evenness, Skin Tone Evenness และ Skin Glow
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Belotero Revive แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Belotero Revive ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ผิว Glass Skin ด้วย Dorothy Dewy

  • ส่วนประกอบ : Dorothy Dewy ใช้ส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) เข้มข้นสูง 
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Dorothy Dewy เข้าสู่ผิว สาร HA จะเข้าไปกระจายตัวอย่างทั่วถึงในชั้นผิว เพื่อดึงน้ำเข้ามาเก็บในเซลล์ผิว และลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว เรียบเนียน และยืดหยุ่นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • ประโยชน์ : Dorothy Dewy ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวถึง 5 ประการ ได้แก่ Skin Glow, Skin Hydration, Skin Softness & Pore Tightening, Skin Firmness และ Lifting & Contour
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Dorothy Dewy แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Dorothy Dewy ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ผิว Glass Skin ด้วย Sculptra

  • ส่วนประกอบ : Sculptra ใช้ส่วนประกอบของ PLLA (Poly-L-Lactic Acid) ผสมกับ CMC (Carboxymethylcellulose) และ Mannitol 
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Sculptra เข้าสู่ผิว สาร PLLA จะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ผ่านกระบวนการอักเสบ เพื่อให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวค่อย ๆ แน่นฟู กระชับ กระจ่างใส และริ้วรอยลดลงอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • ประโยชน์ : Sculptra ช่วยฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยลึกถึงโครงสร้าง พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิว และเพิ่มปริมาณ Collagen Type 1 มากถึง 66.5% 
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Sculptra แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 2 – 3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Sculptra ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ผิว Glass Skin ด้วย Radiesse

  • ส่วนประกอบ : Radiesse ใช้ส่วนประกอบของ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ผสมกับ CMC (Carboxymethylcellulose) 
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Radiesse เข้าสู่ผิว สาร CaHA จะเข้าไปเสริมปริมาตรให้ผิว และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวค่อย ๆ อิ่มฟู เรียบเนียน กระชับ และชุ่มชื้นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
  • ประโยชน์ : Radiesse ช่วยเพิ่มสารสำคัญถึง 5 ประการ ได้แก่ เพิ่มปริมาณ Collagen Type 1 มากถึง 150%, เพิ่มปริมาณ Collagen Type 3 มากถึง 130%, เพิ่มปริมาณ Elastin มากถึง 260% รวมถึง เพิ่ม Proteoglycan และเพิ่ม Angiogenesis
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Radiesse แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 1 – 3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Radiesse ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ผิว Glass Skin ด้วย Profhilo

  • ส่วนประกอบ : Profhilo ใช้ส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) แบบ Non-Crosslinked
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Profhilo เข้าสู่ผิว สาร HA จะเข้าไปกระจายตัวอย่างทั่วถึงในชั้นผิว และกระตุ้นการทำงานของเซลล์มากถึง 3 ชนิด ได้แก่ เซลล์ Keratinocyte, เซลล์ Fibroblast และเซลล์ Adipocyte เพื่อฟื้นฟู และปรับสมดุลผิวลึกถึงโครงสร้าง ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส มีความชุ่มชื้น และฉ่ำวาวจากภายใน
  • ประโยชน์ : Profhilo ช่วยเพิ่มคอลลาเจนมากถึง 4 ประเภท ได้แก่ เพิ่มปริมาณ Collagen Type 1, เพิ่มปริมาณ Collagen Type 3, เพิ่มปริมาณ Collagen Type 4 และ เพิ่มปริมาณ Collagen Type 7
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Profhilo แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Profhilo ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ผิว Glass Skin ด้วย Pluryal Densify

  • ส่วนประกอบ : Puryal Densify ใช้ส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ผสมกับ Polynucleotide (PN) และ Mannitol 
  • หลักการทำงาน : เมื่อฉีด Puryal Densify เข้าสู่ผิว สาร HA และ PN จะเข้าไปเสริมการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น พร้อมฟื้นฟูคุณภาพผิวให้มีความชุ่มชื้น  และยืดหยุ่น ส่วน Mannitol จะคอยต้านสารอนุมูลอิสระ และออกฤทธิ์ร่วมกับ HA ในการคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ยาวนาน
  • ประโยชน์ : Puryal Densify ช่วยปรับปรุงความยืดหยุ่น และความชุ่มชื้นของผิว พร้อมทั้งกระชับรูขุมขน และลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ
  • จำนวนครั้งที่ฉีด : การฉีด Puryal Densify แพทย์จะแนะนำให้ทำการรักษาทั้งหมด 3 ครั้ง ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังฉีด 
  • ระยะเวลาคงอยู่ : หลังฉีด Puryal Densify ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นาน ประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล

 

ข้อดีของการทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin

ข้อดีของการทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin

 

ข้อดีของการทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin 

การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin มีข้อดีหลายประการ ดังนี้

  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin เน้นการฟื้นฟู และปรับปรุงคุณภาพผิวโดยเฉพาะ
  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin สามารถบำรุงผิวได้จากภายใน โดยส่งสารสำคัญเข้าสู่ชั้นผิวโดยตรง
  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin สามารถเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เมื่อเทียบกับการใช้ครีมบำรุงผิว
  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin ให้ผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ ผิวสุขภาพดี โดยไม่ต้องแต่งหน้าหนา
  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin สามารถคงประสิทธิภาพของผลลัพธ์ได้อย่างยาวนาน
  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin ไม่เป็นอันตรายใด ๆ สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ
  • การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin ไม่เสี่ยงเป็นก้อนแข็งหลังฉีด เนื่องจากใช้สารที่สามารถกระจายตัวได้ดีในชั้นผิว

 

หัตถการผิวกระจก Glass Skin เหมาะกับใคร?

  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน และขาดความชุ่มชื้น
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และผิวไม่เรียบเนียน
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีรอยแผลเป็น และหลุมสิวตื้น ๆ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ และรอยสิวบนใบหน้า
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวโทรม อ่อนแอ เหนื่อยล้า
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความยืดหยุ่น ไม่แข็งแรง
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาแต่งหน้าแล้วไม่ติด
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการให้ผิวฉ่ำวาว อิ่มน้ำ ดูโกลว์ใส
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ไม่ต้องการแต่งหนาหนา หรือใช้เครื่องสำอางเยอะ
  • เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

คำแนะนำ ก่อนทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างชัดเจน ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

หัตถการผิวกระจก Glass Skin ไม่เหมาะกับใคร?

  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวติดเชื้อ หรืออักเสบรุนแรง
  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่แพ้ง่าย หรือมีประวัติแพ้สารที่เป็นส่วนประกอบในหัตถการผิวกระจก Glass Skin
  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ 
  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่กำลังให้นมบุตร
  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีแผลเปิดในบริเวณที่ต้องการฉีด
  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด 
  • ไม่เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคแพ้ภูมิตัวเอง

คำแนะนำ ก่อนทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพกับแพทย์อย่างชัดเจน ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานเป็นประจำ

 

ข้อควรรู้ก่อนทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin

  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรศึกษาหาข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำหัตถการอย่างละเอียด
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้อง
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรเลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความเข้าใจ และมีใบประกอบวิชาชีพที่ถูกต้อง
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรเข้ารับการปรึกษากับแพทย์ เพื่อประเมินปัญหาผิวก่อนเริ่มทำหัตถการ
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรแจ้งประวัติโรคประจำตัว และประวัติการแพ้ให้แพทย์ทราบ
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรเลือกหัตถการให้เหมาะสมกับสภาพผิว
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin งดรับประทานยา และอาหารเสริมที่ทำให้เลือดไหลออกง่าย
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin งดการใช้ครีมที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวก่อนทำ
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin งดขัดผิว สครับ กำจัดขน หรือทำทรีตเมนต์ที่มีฤทธิ์ระคายเคืองผิว
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin งดการออกกำลังกายรุนแรง
  • ก่อนทำหัตถการผิว Glass Skin ควรนอนหลับให้เพียงพอ และจิบน้ำให้มาก ๆ

 

จะเห็นได้ว่า การมีผิวกระจก หรือ Glass Skin ไม่ใช่แค่เทรนด์ความงามเพียงชั่วคราว แต่เป็นสัญลักษณ์ของการมีผิวที่ดูสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก สำหรับใครที่ต้องการมีผิวสวย ฉ่ำวาว สามารถเริ่มต้นได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น ใช้มอยส์เจอไรเซอร์สม่ำเสมอ ทาครีมกันแดดทุกวัน มาสก์หน้าเป็นประจำ ดื่มน้ำให้มาก ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอก็จะช่วยให้ผิวดู Glass Skin แบบสุขภาพดีได้ นอกจากนี้ การทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin ก็ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดีที่ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่ต้องการมีผิวกระจก เปล่งปลั่ง และเนียนละเอียดอย่างรวดเร็ว แต่ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจทำหัตถการผิวกระจก Glass Skin สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ได้ที่ รมย์รวินท์คลินิก ทุกสาขา เพื่อให้แพทย์ประเมินผิวหน้า และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวอย่างแท้จริงค่ะ 

 

*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

[elementor-template id="15452"]