
เทรนด์ฟิลเลอร์ฉีดตำแหน่งไหนดี? ยี่ห้อไหนกำลังนิยม?
ฟิลเลอร์เป็นหนึ่งในหัตถการความงามที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และมีการนำมาใช้งานทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติที่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม ฉีดได้หลากหลายตำแหน่ง รวมทั้งให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และแลดูเป็นธรรมชาติ ทำให้ฟิลเลอร์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนมักนึกถึงเป็นอันดับแรก เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ได้มีการพัฒนา และก้าวหน้าไปอีกขั้น บทความนี้ จะพามาเจาะลึกเกี่ยวกับเทรนด์ฟิลเลอร์ว่า ฉีดตำแหน่งไหนดี? ยี่ห้อไหนกำลังเป็นที่นิยม? รมย์รวินท์คลินิกมีคำตอบมาให้แล้ว
เทรนด์ฟิลเลอร์ประจำปี
เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้เน้นเพียงแค่การเติมเต็ม หรือแก้ไขจุดบกพร่องของใบหน้าเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการออกแบบรูปหน้าแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินปัญหา และวิเคราะห์สัดส่วนของใบหน้าอย่างละเอียด เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับใบหน้าของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของตำแหน่งที่ฉีด ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ใช้ พร้อมเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว และใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่พอดี ไม่ต้องเน้นฉีดในปริมาณมากเกินไป แต่เน้นเทคนิคในการฉีดที่มีความแม่นยำ เพื่อยกกระชับ และปรับโครงสร้างใบหน้าให้มีสัดส่วนที่สมดุลในทุกมุมมอง ทำให้ใบหน้ามีความละมุน กลมกลืนเข้ากับผิว และแลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก

ตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์
ตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์
ตำแหน่งที่นิยมฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีความละมุน กลมกลืนเข้ากับผิว และดูไม่หลอกตา มีดังนี้
- ใต้ตา
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณดวงตา เช่น ใต้ตาลึก ใต้ตาคล้ำ ใต้ตาโหล มีถุงใต้ตา และมีริ้วรอยรอบดวงตา ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม เหนื่อยล้า และไม่สดใสอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความนิ่ม บางเบา ละเอียด และสามารถกระจายตัวได้ดี ไม่เป็นก้อนง่าย เนื่องจากผิวบริเวณดวงตามีความบอบบางมาก แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- แก้มส้ม
การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้ม เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณหน้าแก้ม เช่น หน้าแก้มยุบ หน้าแก้มแบน และหน้าแก้มหย่อนคล้อย ส่งผลให้ใบหน้าขาดมิติ ดูโทรม และแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มนั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่น คงตัว และสามารถยกพยุงผิวได้ดี ไม่ไหลย้อยง่าย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- ขมับ
การฉีดฟิลเลอร์ขมับ เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณขมับ เช่น ขมับตอบ ขมับยุบ ขมับบุ๋ม และโหนกแก้มชัด ส่งผลให้ใบหน้าดูโทรม ไม่สมดุล และแก่กว่าวัยอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ขมับนั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความหนาแน่น ฟู คงตัว สามารถยกพยุง และรองรับโครงสร้างได้ดี ไม่เคลื่อนที่ง่าย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- ร่องแก้ม
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณร่องแก้ม เช่น ร่องแก้มลึก ร่องแก้มยุบ กระดูกร่องแก้มทรุด และร่องแก้มหย่อนคล้อย ส่งผลให้ใบหน้าดูมีอายุ ไม่สดใส และขาดมิติอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มนั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง คงตัว และสามารถทนต่อการขยับได้ดี ไม่เป็นก้อนง่าย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- ปาก
การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณริมฝีปาก เช่น ริมฝีปากบาง ริมฝีปากเบี้ยว ริมฝีปากไม่เท่ากัน ขอบปากไม่ชัด มุมปากตก และมีริ้วรอยรอบริมฝีปาก ส่งผลให้ใบหน้าขาดมิติ ไม่สมดุล ไม่สดใส และดูมีอายุอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความนิ่ม อ่อนนุ่ม ยืดหยุ่นสูง และสามารถทนต่อแรงขยับได้ดี ไม่เป็นก้อนง่าย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณคาง เช่น คางตัด คางสั้น คางเบี้ยว คางบุ๋ม คางถอย และคางไม่เท่ากัน ส่งผลให้ใบหน้าดูขาดมิติ และไม่สมดุลอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์คางนั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความแข็ง หนาแน่น คงรูปสูง และสามารถรองรับโครงสร้างไม่ดี ไม่เป็นก้อนง่าย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์
- หน้าผาก
การฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก เป็นตำแหน่งที่นิยมในการแก้ไขปัญหาบริเวณหน้าผาก เช่น หน้าผากยุบ หน้าผากแบน หน้าผากบุ๋ม และหน้าผากเป็นแอ่ง ส่งผลให้ใบหน้าไม่สมดุล และดูขาดมิติอย่างชัดเจน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากนั้น ควรเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่น คงรูป และสามารถทนต่อการขยับได้ดี ไม่เป็นก้อน ไม่เป็นคลื่นง่าย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ? เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์?
เนื้อฟิลเลอร์มีกี่แบบ? เลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์?
การเลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีดเป็นสิ่งสำคัญ ที่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูละมุน กลมกลืนเข้ากับผิว และแลดูเป็นธรรมชาติ โดยเนื้อฟิลเลอร์สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 แบบหลัก ๆ ดังนี้
- เนื้อแข็ง
เนื้อแข็งเป็นฟิลเลอร์ที่มีความแข็งแรง คงรูป และหนาแน่นคล้ายก้อนอิฐ ซึ่งสามารถคงผลลัพธ์ได้อย่างยาวนาน เมื่อเทียบฟิลเลอร์เนื้ออื่น ๆ โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์เนื้อแข็ง จะใช้สำหรับการฉีดชดเชยชั้นกระดูกที่ทรุดตัวตามอายุ พร้อมให้ผลลัพธ์ในเรื่องของการยกกระชับ ปรับโครงสร้าง และเพิ่มมิติให้ใบหน้า
- เนื้อกลาง
เนื้อกลางเป็นฟิลเลอร์ที่มีความคงตัว ยืดหยุ่นกำลังดี และหนาแน่นปานกลาง ซึ่งสามารถเกาะผิวได้ดี แต่ผลลัพธ์จะคงอยู่สั้นกว่าฟิลเลอร์เนื้อแข็ง โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์เนื้อกลาง จะใช้สำหรับการฉีดชั้นลึก หรือชดเชยชั้นกระดูกที่ทรุดตัวตามอายุ พร้อมให้ผลลัพธ์ในเรื่องของการเติมเต็มร่องลึก เสริมปริมาตร และปั้นรูปทรงได้อย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อนิ่ม
เนื้อนิ่มเป็นฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง และนุ่มนิ่มคล้ายเยลลี่ ซึ่งสามารถทนต่อการขยับได้ดี และไม่เป็นก้อนง่าย โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม จะใช้สำหรับการฉีดชดเชยชั้นไขมันที่หายไปตามอายุ พร้อมให้ผลลัพธ์ในเรื่องของการเพิ่มวอลลุ่ม เพิ่มความอิ่มฟู และเติมเต็มผิวได้อย่างแลดูเป็นธรรมชาติ
- เนื้อละเอียด
เนื้อละเอียดเป็นฟิลเลอร์ที่มีความเหลว บางเบา และมีโมเลกุลขนาดเล็ก ซึ่งสามารถกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง และกลมกลืนเข้ากับผิวอย่างเรียบเนียน โดยส่วนใหญ่ฟิลเลอร์เนื้อละเอียด จะใช้สำหรับการฉีดผิวชั้นตื้น พร้อมให้ผลลัพธ์ในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้น เก็บรายละเอียดงานผิว ริ้วรอยเล็ก ๆ และปรับสภาพผิวโดยรวม

5 ยี่ห้อฟิลเลอร์ยอดฮิต
5 ยี่ห้อฟิลเลอร์ยอดฮิต
ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ดังนี้
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีการพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศอเมริกา รวมทั้งผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ซึ่ง Juvederm มีเทคโนโลยีการผลิตถึง 2 แบบ ได้แก่ HYLACROSS Technology และ VYCROSS Technology โดย HYLACROSS เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่องการอุ้มน้ำ มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถทนต่อการขยับได้ดี ส่วน VYCROSS เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่องการยกกระชับ พยุงโครงสร้างผิว มีความหนาแน่นสูง และสามารถยึดเกาะได้ดี
ในปัจจุบัน Juvederm มีรุ่นฟิลเลอร์ให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน แนะนำให้แพทย์ประเมินก่อนตัดสินใจ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์หลังฉีดจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 – 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และรุ่นที่เลือกใช้
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีการพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Galderma จากประเทศสวีเดน รวมทั้งผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ซึ่ง Restylane มีเทคโนโลยีการผลิตถึง 2 แบบ ได้แก่ NASHA Technology และ OBT Technology โดย NASHA เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่องการคงตัว และกักเก็บความชุ่มชื้นสูง ส่วน OBT เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่องการปรับรูปทรง และมีความยืดหยุ่นสูง
ในปัจจุบัน Restylane มีรุ่นฟิลเลอร์ให้เลือกทั้งหมด 8 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน แนะนำให้แพทย์ประเมินก่อนตัดสินใจ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์หลังฉีดจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และรุ่นที่เลือกใช้
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Belotero เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีการพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Merz Aesthetics จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมทั้งผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ซึ่ง Belotero มีเทคโนโลยีการผลิตที่ชื่อว่า CPM Technology ที่มาพร้อมกับจุดเด่นถึง 3 ประการ ได้แก่ Cohesivity ทำให้ฟิลเลอร์ยึดเกาะกันเป็นเนื้อเดียว, Elasticity ทำให้ฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นสูง และ Plasticity ทำให้ฟิลเลอร์ปั้นรูปทรงได้ง่าย
ในปัจจุบัน Belotero มีรุ่นฟิลเลอร์ให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน แนะนำให้แพทย์ประเมินก่อนตัดสินใจ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์หลังฉีดจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และรุ่นที่เลือกใช้
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neauvia
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Neauvia เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA), L-Proline, Glycine และ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งมีการพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Matex Lab Group จากประเทศอิตาลี รวมทั้งผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ซึ่ง Neauvia มีเทคโนโลยีการผลิตที่ชื่อว่า SXT Technology เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่องการคงตัว และยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ยังใช้สารเชื่อมพันธะที่มีชื่อว่า PEG แทนการใช้สาร BDDE ทำให้สามารถทนความร้อนได้ดี โดยไม่เสี่ยงอันตราย ลดโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้ หรือกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน
ในปัจจุบัน Neauvia มีรุ่นฟิลเลอร์ให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน แนะนำให้แพทย์ประเมินก่อนตัดสินใจ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์หลังฉีดจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และรุ่นที่เลือกใช้
- ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Definisse เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งมีการพัฒนา และผลิตโดยบริษัท Relife Company จากประเทศอิตาลี รวมทั้งผ่านการรับรอง และขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องจาก อย. ซึ่ง Definisse มีเทคโนโลยีการผลิตที่ชื่อว่า XTR™ Technolog เป็นเทคโนโลยีที่มีจุดเด่นเรื่องการทำให้โมเลกุลของ HA ผสานกันจนเป็นร่างแห เพื่อยกพยุงผิว และปรับโครงสร้างใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการกำจัดสารเชื่อมพันธะอย่าง BDDE ทำให้ได้ HA ที่มีความบริสุทธิ์สูง และลดความเสี่ยงต่อการแพ้
ในปัจจุบัน Definisse มีรุ่นฟิลเลอร์ให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นถูกออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน แนะนำให้แพทย์ประเมินก่อนตัดสินใจ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผลลัพธ์หลังฉีดจะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว การดูแล และรุ่นที่เลือกใช้

ใครที่ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์?
ใครที่ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์?
- ผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึก
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึก เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา ริ้วรอยหน้าผาก ริ้วรอยรอบริมฝีปาก และร่องแก้มลึก ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยในการเติมเต็ม และทำให้ผิวดูเต่งตึง ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
- ผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าไม่สมดุล
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีโครงสร้างใบหน้าไม่สมดุล เช่น คางตัด คางถอย คางเบี้ยว ริมฝีปากไม่เท่ากัน หน้าแก้มแบน และหน้าผากเป็นแอ่ง ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยในการปรับโครงสร้างใบหน้าให้ดูสมส่วน และโค้งมนอย่างสวยงาม
- ผู้ที่มีใบหน้าตอบ ผิวยุบตัว
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีใบหน้าซูบตอบ และผิวยุบตัว เช่น ขมับตอบ ขมับยุบ แก้มตอบ หน้าแก้มยุบ ใต้ตาโหล และใต้ตาลึก ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยในการเพิ่มวอลลุ่ม และเพิ่มความอิ่มฟูให้ใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูละมุน เต็มอิ่ม และอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย และไม่กระชับ เช่น แก้มตก แก้มห้อย มุมปากตก และกรอบหน้าไม่ชัดเจน ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยในการยกกระชับ และพยุงโครงสร้างผิว ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย และมีมิติมากขึ้น
- ผู้ที่มีผิวแห้ง หยาบกร้าน
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หยาบกร้าน และขาดน้ำ โดยเฉพาะบริเวณหน้าแก้ม หน้าผาก ริมฝีปาก ลำคอ และหลังมือ ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยในการอุ้มน้ำ และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดี ฉ่ำน้ำ และเปล่งปลั่งมากขึ้น
- ผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง หลุมสิว
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง รอยแผลเป็น หลุมสิว และผิวดูขรุขระ ซึ่งฟิลเลอร์จะช่วยในการเติมเต็ม และปรับผิวให้มีความเรียบเนียนจากภายใน ทำให้ผิวดูเนียนละเอียด อิ่มฟู และยืดหยุ่นมากขึ้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด
การฉีดฟิลเลอร์เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด ไม่ต้องการมีแผลขนาดใหญ่ และไม่ต้องการพักฟื้นนาน เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว มีความเจ็บน้อย และหลังฉีดสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
หมายเหตุ ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้ครบถ้วน ทั้งประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการทำหัตถการ และยาที่รับประทานประจำ
ฉีดฟิลเลอร์ ให้ผลลัพธ์อะไร?
- ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า
- ช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างใบหน้าให้สมดุล
- ช่วยในเรื่องของการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
- ช่วยในเรื่องของการเพิ่มวอลลุ่ม และเพิ่มความละมุนให้ผิว
- ช่วยในเรื่องของการเสริมปริมาตรให้ผิว
- ช่วยในเรื่องของการเพิ่มมิติ และปรับกรอบหน้าให้คมชัด
- ช่วยในเรื่องของการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- ช่วยในเรื่องของการกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มหลุมสิว และรอยแผลเป็น
- ช่วยในเรื่องของการปรับผิวให้มีความเรียบเนียน

สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
สิ่งที่ควรรู้ก่อนฉีดฟิลเลอร์
- เลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน
ควรเลือกคลินิกที่มีมาตรฐาน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการตามกฎหมาย ซึ่งสามารถดูได้จากเลขใบอนุญาต 11 หลักที่แสดงไว้หน้าคลินิก
- เลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์
ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ และมีใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาตามกฎหมาย โดยแพทย์จะทำการประเมิน พร้อมออกแบบการรักษา และเลือกเนื้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว
- เลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์จากบริษัทโดยตรง
ควรเลือกใช้ฟิลเลอร์จากบริําทโดยตรงเท่านั้น โดยฟิลเลอร์จะต้องได้รับการรับรองจาก องค์การอาหารและยา (อย.) และควรให้แพทย์ที่ทำการฉีด เปิดกล่องฟิลเลอร์ใหม่ต่อหน้า พร้อมตรวจสอบเลข Lot. เลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับ และสแกน QR Code เพื่อยืนยันความถูกต้องของฟิลเลอร์
- เลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง
ควรเลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ทั้งในรูปแบบภาพถ่าย คลิปวิดีโอ และการแสดงความคิดเห็นจากผู้ที่เคยรับบริการ เพื่อเป็นตัวช่วยในการประกอบการตัดสินใจ
- เลือกคลินิกที่มีการติดตามผลหลังฉีด
ควรเลือกคลินิกที่มีการติดตามผลหลังทำการรักษา เพื่อให้แพทย์ประเมินผลลัพธ์ ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิว และหากเกิดผลข้างเคียงผิดปกติ สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
- งดการรับประทานยาบางชนิด
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดรับประทานยาบางชนิด ไม่ว่าจะเป็นยากลุ่มต้านการอักเสบ หรือยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา โสม หรือกระเทียม
- งดสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการสูบบุหรี่ และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมถึงงดการทำกิจกรรมแบบหักโหม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการบวม ฟกช้ำ และอักเสบง่ายหลังฉีด
- งดทำหัตถการ และใช้ผลิตภัณฑ์ระคายเคือง
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ควรงดการทำหัตถการ เลเซอร์ ทรีตเมนต์ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมรบกวนผิว ทำให้ผิวระคายเคือง และอักเสบได้ง่าย
จะเห็นได้ว่า เทรนด์การฉีดฟิลเลอร์จะเน้นผลลัพธ์ที่มีความละมุน กลมกลืนเข้ากับผิว และแลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่โป๊ะ และไม่แข็งทื่อจนเกินไป ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน วิเคราะห์ และออกแบบรูปหน้าแบบเฉพาะบุคคล เพื่อเสริมจุดเด่นบนใบหน้า และแก้ไขในจุดที่บกพร่อง โดยจะไม่เน้นการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณมากเกินไป จนอาจเสี่ยงทำให้เกิด Overfilled Syndrome หรือภาวะหน้าล้นได้ ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังสนใจฉีดฟิลเลอร์อยู่ แนะนำให้เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน พร้อมแพทย์ที่มีความรู้ และความเข้าใจ สามารถให้คำแนะนำในการเลือกเนื้อฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ และเหมาะสมกับปัญหาผิว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามแบบไม่หลอกตา
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด