บำรุงผิวมีกี่วิธี? รวมวิธีบำรุงผิวหน้าให้ดูสุขภาพดีจากภายใน
ผิวมีสวย สดใส และดูสุขภาพดีไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมความมั่นใจ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการดูแลเอาใจใส่ และบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากภายใน และภายนอก ซึ่งการบำรุงผิวถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากผิวหน้าของเราต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงที่คอยทำร้ายผิวทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นแสงแดด ฝุ่น ควัน มลภาวะ ความเครียด พักผ่อนน้อย หรือแม้แต่อายุที่เพิ่มขึ้น วันนี้ รมย์รวินท์คลินิกจะพาทุกคนไปเจาะลึกเกี่ยวกับวิธีการบำรุงผิว ตั้งแต่การบำรุงผิวจากภายใน และการบำรุงผิวจากภายนอก ไปจนถึงการทำหัตถการบำรุงผิว บทความนี้รวบรวมข้อมูลมาไว้ให้แล้ว

ปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว
ปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว
- อายุ
อายุ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้น การผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินจะค่อย ๆ เสื่อมสภาพลง รวมไปถึงกระบวนการผลัดเซลล์ผิวก็จะทำงานน้อยลงตามไปด้วย ทำให้ผิวแห้งกร้าน หมองคล้ำ และเกิดริ้วรอยได้ง่าย
- ฮอร์โมน
ฮอร์โมน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว เนื่องจากเมื่อฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในช่วงวัยรุ่น ช่วงตั้งครรภ์ หรือช่วงวัยหมดประจำเดือน จะทำให้การทำงานของเซลล์ผิวเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ทั้งในด้านการผลิตน้ำมัน การผลิตคอลลาเจน และการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งส่งผลให้สภาพผิวในแต่ละช่วงวัยนั้นแตกต่างกันออกไป
- การใช้สกินแคร์
การใช้สกินแคร์ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว เนื่องจากหากเลือกใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว หรือใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมรุนแรงเกินไป อาจทำให้เกราะป้องกันผิวถูกทำลาย จนผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย และเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้
- สภาพอากาศ
สภาพอากาศ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว เนื่องจากในช่วงที่อากาศหนาว และแห้ง ผิวจะเกิดการสูญเสียน้ำ และขาดความชุ่มชื้นมากกว่าปกติ ในขณะที่ช่วงอากาศร้อน และชื้น ผิวจะเกิดการกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการบำรุงผิวให้เหมาะสมกับแต่ละสภาพอากาศ
- แสงแดด และมลภาวะ
แสงแดด และมลภาวะ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว เนื่องจากหากเผชิญกับแสงแดด และมลภาวะเป็นประจำ ผิวก็จะยิ่งอ่อนแอ และเสื่อมสภาพได้ง่าย ทำให้การบำรุงผิวไม่เห็นผลอย่างเต็มที่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้ เช่น สิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต
พฤติกรรมการใช้ชีวิต เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการบำรุงผิว เนื่องจากหากมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย และทำให้การบำรุงผิวไม่เห็นผลเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มน้ำน้อย การรับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ ความเครียดสะสม การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์

ทำไมการบำรุงผิวถึงสำคัญ?
ทำไมการบำรุงผิวถึงสำคัญ?
การบำรุงผิวมีความสำคัญต่อสุขภาพผิวหลายประการ ดังนี้
- ป้องกันผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย
การบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวก่อนวัยได้ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอย ร่องลึก หรือผิวหย่อนคล้อย ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เด้งกระชับ และดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น
- รักษาความชุ่มชื้นของผิว
การบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวได้ เพื่อป้องกันผิวสูญเสียน้ำ จนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา เช่น ผิวแห้งตึง ดูโทรม หมองคล้ำ และมีริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ เกิดขึ้นได้ง่าย
- รักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
การบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยรักษาเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงได้ ทำให้ผิวมีความทนทานต่อปัจจัยเสี่ยงที่คอยทำร้ายผิว เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน มลภาวะ หรือสารเคมีต่าง ๆ
- แก้ปัญหาผิวเฉพาะจุด
การบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ สามารถแก้ปัญหาผิวเฉพาะจุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ รูขุมขนกว้าง รอยสิว หรือผิวไม่เรียบเนียน
บำรุงผิวอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว?
การบำรุงผิวให้เหมาะกับสภาพผิวนั้น เป็นกุญแจสำคัญของการมีผิวสุขภาพดี เนื่องจากสภาพผิวของแต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกัน หากใช้สกินแคร์ผิดประเภท อาจทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้ ซึ่งโดยทั่วไปแนวทางการบำรุงผิวที่เหมาะกับแต่ละสภาพผิว มีดังนี้
- ผิวแห้ง
ผิวแห้ง (Dry Skin) จะมีลักษณะผิวที่แห้งตึง หยาบกร้าน และลอกเป็นขุย ซึ่งจะแนะนำให้เลือกสกินแคร์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว และเสริมเกราะป้องกันผิว เช่น Ceramide, Vitamin E, Glycerin หรือ Hyaluronic Acid โดยจะเน้นสกินแคร์ที่มีเนื้อครีม หรือเนื้อบาล์มที่ช่วยเติมน้ำให้ผิวอย่างเข้มข้น
- ผิวมัน
ผิวมัน (Oily Skin) จะมีลักษณะผิวที่ดูมันเยิ้ม รูขุมขนกว้าง และเป็นสิวง่าย ซึ่งจะแนะนำให้เลือกสกินแคร์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยควบคุมความมัน ปรับสมดุลผิว และลดการเกิดสิว เช่น Niacinamide หรือ Salicylic Acid โดยจะเน้นสกินแคร์ที่มีเนื้อเจล หรือโลชั่นบางเบา ซึมไว แต่ยังคงให้ความชุ่มชื้นได้ดี และไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic)
- ผิวผสม
ผิวผสม (Combination Skin) จะมีลักษณะผิวที่ดูมันเยิ้มบริเวณ T-Zone ได้แก่ หน้าผาก จมูก และคาง ในขณะที่ผิวบริเวณ U-Zone ได้แก่ รอบดวงตา และหน้าแก้มจะดูแห้งกร้าน ซึ่งจะแนะนำให้เลือกสกินแคร์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยควบคุมความมัน และเติมความชุ่มชื้นให้ผิว โดยจะเน้นแยกการบำรุงเฉพาะจุด ในบริเวณที่มีผิวมันให้ใช้สกินแคร์เนื้อเจลบางเบา และซึมไว ส่วนบริเวณที่มีผิวแห้งให้ใช้สกินแคร์เนื้อครีมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นอย่างเข้มข้น
- ผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) จะมีลักษณะผิวที่ไวต่อการระคายเคือง มักมีอาการแดง อักเสบ คัน ผิวแห้งแตก และเป็นผื่นบ่อย ซึ่งจะแนะนำให้เลือกสกินแคร์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยปลอบประโลมผิว และฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว เช่น Ceramide, Centella หรือ Aloe Vera ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ หรือพาราเบน โดยจะเน้นสกินแคร์สูตรอ่อนโยนที่ออกแบบมาเพื่อผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสครับผิวแรง ๆ และการใช้สกินแคร์หลายขั้นตอนจนเกินไป เพื่อลดโอกาสการแพ้
รวมวิธีการบำรุงผิว
การบำรุงผิวสามารถทำได้หลายวิธี โดยจะต้องอาศัยการบำรุงจากภายใน และภายนอกควบคู่กัน เพื่อให้ดูสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ดังนี้

บำรุงผิวจากภายใน
บำรุงผิวจากภายใน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน โดยเลือกอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C, วิตามิน E, วิตามิน A, Zinc และ Omega 3 รวมถึงเลือกโปรตีนคุณภาพ ผัก และผลไม้หลากสี เช่น แคร์รอต ฟักทอง อะโวคาโด มะเขือเทศ ส้ม ฝรั่ง มะละกอ และผลไม้ตระกูลเบอร์รี
- ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ
การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน โดยดื่มน้ำสะอาดวันละ 7 – 8 แก้ว เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของเซลล์ผิว และป้องกันเซลล์ผิวสูญเสียน้ำ รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำหวาน แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไป
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน โดยพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 7 – 8 ชั่วโมง เพื่อให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟู และลดความหมองโทรมของผิว รวมถึงหลีกเลี่ยงการนอนดึก และจัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสำหรับการนอน เช่น ห้องมืดสนิท เงียบ ไม่มีเสียงรบกวน และปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม เพื่อให้การนอนหลับมีคุณภาพมากขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน โดยออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 – 4 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที และเลือกประเภทการออกกำลังกายที่มีความหลากหลาย เช่น คาร์ดิโอ หรือเวทเทรนนิง เพื่อให้หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดีมากขึ้น และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายผ่านทางเหงื่อ ลดการอุดตันของรูขุมขน
- หากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด
การหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิวจากภายใน เช่น การฝึกสมาธิ การเล่นโยคะ การดูหนัง การวาดรูป การอ่านหนังสือ การทำอาหาร หรือการฟังเพลง เพื่อให้ฮอร์โมนในร่างกายมีความสมดุล ลดความตึงเครียด และลดการอักเสบของร่างกาย ทำให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง และสุขภาพดีมากขึ้น

บำรุงผิวจากภายนอก
บำรุงผิวจากภายนอก
- ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิว โดยการล้างหน้าเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้า และเย็น เพื่อขจัดสิ่งสกปรกสะสม และน้ำมันส่วนเกินที่ตกค้างอยู่บนผิว รวมทั้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีค่า pH สมดุลใกล้เคียงกับผิว โดยปราศจากสารระคายเคือง เช่น SLS, น้ำหอม, แอลกอฮอล์ หรือพาราเบน เพื่อลดโอกาสการแพ้ และป้องกันเกราะป้องกันผิวถูกทำลาย
- ใช้สกินแคร์บำรุงผิวสม่ำเสมอ
การใช้สกินแคร์บำรุงผิวสม่ำเสมอ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิว โดยการทาสกินแคร์เป็นประจำหลังทำความสะอาดผิววันละ 2 ครั้ง ทั้งเช้า และเย็น รวมถึงเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Ceramide, Vitamin E, Glycerin หรือ Hyaluronic Acid ที่ช่วยล็อกความชุ่มชื้น และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว พร้อมทั้งเลือกเนื้อสัมผัสของสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละคน เช่น ผิวแห้งเหมาะสำหรับเนื้อครีม หรือบาล์ม ในขณะที่ผิวมันเหมาะสำหรับเนื้อเจล หรือโลชั่นบางเบา
- ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ
การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิว โดยการทาครีมกันแดดทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้เผชิญแสงแดด ซึ่งควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 – 50 ขึ้นไป และมีค่า PA +++ เพื่อป้องกันผิวไหม้ และคล้ำเสียจากรังสี UV ลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย
- ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว
การใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิว โดยการผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมอยู่บนผิว และลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้สกินแคร์สามารถซึมซาบได้ดีมากขึ้น รวมทั้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมอ่อนโยน เช่น Lactic Acid หรือ PHA เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
- มาสก์หน้าอย่างต่อเนื่อง
การมาสก์หน้าอย่างต่อเนื่อง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบำรุงผิว โดยการมาสก์หน้าเป็นประจำสัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง หรือมากกว่านั้นในกรณีที่ผิวขาดน้ำมาก รวมถึงควรเลือกประเภทมาสก์ที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวแห้งควรเลือกมาสก์สูตรเติมความชุ่มชื้น ในขณะที่ผิวมันควรเลือกมาสก์สูตรควบคุมความมัน และลดสิว โดยปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน เพื่อลดโอกาสการระคายเคือง

รวมหัตถการบำรุงผิว
รวมหัตถการบำรุงผิว
การทำหัตถการความงามเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถบำรุงผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายประเภทในปัจจุบัน โดยหัตถการบำรุงผิวที่ได้รับความนิยม มีดังนี้
- Rejuran
Rejuran เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่ม Skin Booster ที่มีส่วนประกอบของ Polynucleotide (PN) จาก DNA ปลาแซลมอน โดยมีจุดเด่นในการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดอาการอักเสบ และซ่อมแซมเซลล์ผิวให้กลับมาแข็งแรงมากขึ้น รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน ชุ่มชื้น กระจ่างใส และดูสุขภาพดีจากภายใน ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Rejuran อย่างต่อเนื่องประมาณ 4 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Plinest
Plinest เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่ม Skin Booster ที่มีส่วนประกอบของ Polynucleotide (PN) จาก DNA ปลาเทราต์ โดยมีจุดเด่นในการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ เพิ่มความยืดหยุ่น เติมความชุ่มชื้น และเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรง รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน อิ่มฟู ชุ่มชื้น และกระจ่างใสจากภายใน ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Plinest อย่างต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Pluryal Densify
Pluryal Densify เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่ม Skin Booster ที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ผสานกับ Polynucleotide (PN) และ Mannitol โดยมีจุดเด่นในการเติมความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และต่อต้านสารอนุมูลอิสระ รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวมีความเรียบเนียน อิ่มน้ำ กระชับ และดูสุขภาพดีจากภายใน ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Pluryal Densify อย่างต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Belotero Revive
Belotero Revive เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่มฟิลเลอร์งานผิว ที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ผสานกับ Glycerol โดยมีจุดเด่นในการกักเก็บความชุ่มชื้น และปรับปรุงคุณภาพผิว รวมทั้งเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ลดการระคายเคือง และปลอบประโลมผิว ทำให้ผิวมีความอิ่มน้ำ กระจ่างใส เนียนละเอียด และดูสุขภาพดีจากภายใน ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Belotero Revive อย่างต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Profhilo
Profhilo เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid (HA) ในรูปแบบ Non-crosslinked โดยมีจุดเด่นในการเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ปรับสมดุลผิว และฟื้นฟูคุณภาพผิว ตั้งแต่ผิวชั้นตื้นจนถึงผิวชั้นลึก รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ได้คอลลาเจนชนิดที่ 1, 3, 4 และ 7 ส่งผลให้ผิวมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น กระชับ เนียนละเอียด และดูสุขภาพดีในระยะยาว ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Profhilo อย่างต่อเนื่องประมาณ 2 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Karisma Rh Collagen
Karisma Rh Collagen เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Collagen Polypeptide a1 Chain R (Rh Collagen) จากหนอนไหม ผสานกับ High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMW – HA) และ Carboxymethylcellulose (CMC) โดยมีจุดเด่นในการเติมเต็ม ฟื้นฟูเซลล์ผิว และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ได้คอลลาเจนชนิดที่ 1 ตามด้วยชนิดที่ 2 และ 3 เพิ่มเติม ส่งผลให้ผิวมีความอิ่มฟู เรียบเนียน ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดีในระยะยาว ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Karisma Rh Collagen อย่างต่อเนื่องประมาณ 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Radiesse
Radiesse เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ผสานกับ Carboxymethylcellulose (CMC) โดยมีจุดเด่นในการเติมเต็ม ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เพิ่มความชุ่มชื้น และกระตุ้นการสร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิว รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ได้คอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ส่งผลให้ผิวมีความแน่นกระชับ อิ่มฟู แข็งแรง ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดีในระยะยาว ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Radiesse อย่างต่อเนื่องประมาณ 1 – 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
- Sculptra
Sculptra เป็นหัตถการบำรุงผิวกลุ่มกระตุ้นคอลลาเจนที่มีส่วนประกอบของ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ผสานกับ Carboxymethylcellulose (CMC) และ Mannitol โดยมีจุดเด่นในการยกกระชับผิว เสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างผิว และปรับปรุงคุณภาพผิว รวมทั้งกระตุ้นการทำงานของเซลล์ Fibroblast ให้เกิดการผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ได้คอลลาเจนชนิดที่ 1 ส่งผลให้ผิวมีความแน่นฟู เต่งตึง กระชับ ยืดหยุ่น และดูสุขภาพดีในระยะยาว ซึ่งจะแนะนำให้ทำการฉีด Sculptra อย่างต่อเนื่องประมาณ 2 – 3 ครั้ง เพื่อให้เห็นผลลัพธ์อย่างเต็มที่ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละคน
การทำหัตถการบำรุงผิว เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน และขาดน้ำ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ และขาดความกระจ่างใส
- ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง และพื้นผิวไม่เรียบเนียน
- ผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว และรอยแผลเป็นตื้น ๆ
- ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และรอยย่นเล็ก ๆ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ และขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่มีปัญหาผิวดูโทรม และขาดการบำรุง
- ผู้ที่เผชิญกับแสงแดด และมลภาวะเป็นประจำ
- ผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์จากการบำรุงผิวอย่างรวดเร็ว
หมายเหตุ ก่อนทำหัตถการบำรุงผิว ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพให้กับแพทย์อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
การทำหัตถการบำรุงผิว ไม่เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงการตั้งครรภ์
- ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงการให้นมบุตร
- ผู้ที่มีปัญหาแผลเปิด หรือแผลติดเชื้อบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวอักเสบบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ผู้ที่กำลังรับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือมีปัญหาเลือดออกง่าย
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง
หมายเหตุ ก่อนทำหัตถการบำรุงผิว ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งข้อมูลสุขภาพให้กับแพทย์อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
การบำรุงผิว ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความใส่ใจอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการดูแลขั้นพื้นฐาน ตั้งแต่การใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับสภาพผิว การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ การดื่มน้ำให้มาก ๆ การออกกำลังกายเป็นประจำ การหากิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไปจนถึงการทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น Rejuran, Plinest, Belotero Revive, Profhilo หรือ Sculptra เพื่อฟื้นฟู และบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดีอย่างจากภายใน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีประสิทธิภาพ และความยั่งยืนในระยะยาว
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด