รวมโปรแกรมรักษาสิว เคลียร์จบครบทุกปัญหาผิวที่รมย์รวินท์
รวมโปรแกรมรักษาสิว เคลียร์จบครบทุกปัญหาผิวที่รมย์รวินท์
สิวเกิดจากอะไร ?
สิวเกิดจากอะไร ?
สิวเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในหลายช่วงอายุ การเกิดสิวสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยทั่วไปแล้วมักเกิดจากการอุดตันจากรูขุมขนและการอักเสบของสิว แต่ทั้งนี้ก็สามารถเกิดได้จากปัจจัยอื่น ๆ ได้เช่นกัน โดยสาเหตุการเกิดสิวสามารถแยกออกได้หลายปัจจัย ดังนี้
- การผลิตน้ำมันส่วนเกิน
เมื่อร่างกายเกิดการกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันที่มากเกินไป น้ำมันส่วนเกินจะไหลออกมาสะสมบนผิวหนังร่วมกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ส่งผลให้รูขุมขนอุดตัน จนเกิดเป็นสิวได้ง่าย
- การอุดตันของรูขุมขน
หากเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่หลุดออกไป เซลล์ผิวนี้จะไปรวมกับน้ำมันหรือสิ่งสกปรก จะทำให้เกิดการอุดตัน ส่งผลให้เกิดเป็นสิวได้
- ความไม่สมดุลของฮอร์โมน
ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นที่ร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบ่อย ทำให้มีโอกาสเป็นสิวง่ายขึ้น
- ความเครียด
ความเครียดเรื้อรังสามารถกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนได้ เมื่อฮอร์โมนสูงจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนมีโอกาสอุดตันและเกิดการอักเสบมากขึ้น ส่งผลให้เกิดสิวได้ง่ายขึ้น
- การนอนหลับไม่เพียงพอ
การพักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลให้กระบวนการซ่อมแซมในช่วงกลางคืนไม่สมบรูณ์ และทำให้ระดับฮอร์โมนเสียสมดุล ส่งผลให้เกิดสิวได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสม
การใช้เครื่องสำอางหรือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หรือมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน อาจทำให้เกิดสิวขึ้นใหม่หรือทำให้ยิวที่มีอยู่แล้วแย่ลงได้
- พันธุกรรม
หากมีครอบครัวที่มีประวัติเป็นสิวรุนแรง ก็มีโอกาสสูงที่จะส่งต่อทางพันธุกรรม ทำให้ลูกหลานก็มีแนวโน้มเป็นสิวได้เช่นกัน เนื่องจากลักษณะของผิว การผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน จะสามารถส่งต่อทางพันธุกรรมได้
การเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวจะช่วยให้เลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสมกับตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ
ประเภทของสิว
ประเภทของสิว
สิวสามารถแบ่งออกได้หลากหลายประเภท ซึ่งแบ่งออกได้ตามลักษณะการเกิด ความรุนแรง และสาเหตุการเกิด โดยการแบ่งประเภทของสิว สามารถแบ่งออกได้หลัก ๆ ดังนี้
1.สิวอุดตัน (Comedonal Acne)
สิวประเภทนี้เป็นสิวที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นการสะสมของน้ำมันกับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยสิวอุดตันเป็นสิวเบื้องต้นของปัญหาสิว และหากไม่ได้รับการดูแลอาจพัฒนาไปสู่สิวอักเสบได้ โดยสิวอุดตันแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- สิวหัวขาว (Whiteheads) เป็นสิวที่มีตุ่มนูนเล็ก ๆ สีขาว โดยมีน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมอยู่ภายใน ไม่สัมผัสกับอากาศภายนอกจึงไม่เกิดการเปลี่ยนสี มักพบได้บ่อยบริเวณหน้าผาก แก้ม และคาง
- สิวหัวดำ (Blackheads) เป็นสิวที่เปิดรูขุมขนออกสู่ภายนอก ทำให้ส่วนหัวของสิวเปลี่ยนเป็นสีดำ มักพบได้ที่จมูก หน้าผาก และคาง ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันมาก
2.สิวอักเสบ (Inflammatory Acne)
สิวประเภทนี้เป็นสิวที่เกิดจากกระบวนการอักเสบที่มีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes ทำให้เกิดการอักเสบ บวม แดง และบางกรณีมีหนองร่วมด้วย ซึ่งสิวประเภทนี้มีแนวโน้มลุกลามและทิ้งรอยดำหรือรอยแผลเป็นได้ง่ายหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง โดยสิวอักเสบสามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภท ดังนี้
- สิวตุ่มแดง (Papules) มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดง ขนาดเล็กถึงกลาง มีการอักเสบแต่ไม่มีหนอง
- สิวหัวหนอง (Pustules) เป็นสิวที่มีหัวสีขาวหรือเหลือง ตรงกลางของตุ่มแดงที่เกิดจากการสะสมของหนอง
- สิวหัวช้าง (Nodules) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง เจ็บ และมีขนาดใหญ่ มีการอักเสบลึก
- สิวซีสต์ (Cysts) เป็นสิวที่รุนแรงที่สุด มีหนองสะสมอยู่ด้านใน หากเป็นสิวประเภทนี้มักทิ้งรอยแผลเป็น
3.สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne)
สิวประเภทนี้มีลักษณะเป็นสิวอักเสบหรือตุ่มหนอง มักพบในผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน ซึ่งสิวฮอร์โมนมักขึ้นบริเวณคาง กราม หรือแนวขากรรไกร
4.สิวสเตียรอยด์ (Steroid Acne)
สิวประเภทนี้เกิดจากการใช้ยาหรือครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เป็นระยะเวลานาน หรือใช้โดยไม่ได้นับการกำกับดูแลจากแพทย์ ส่งผลให้ผิวมีความไวมากขึ้นและต่อมไขมันทำงานปกติ ส่งผลให้เกิดเป็นสิวหัวเล็กกระจายทั่วใบหน้า
5.สิวผด
สิวผดมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ คล้ายผด มีอาการคันร่วมด้วย มักพบในช่วงอากาศร้อน เนื่องจากเกิดจากยีนส์ในรูขุมขนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนและเหงื่อสะสม
การเข้าใจประเภทของสิวจะช่วยให้สามารถเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะของสิวแต่ละประเภทได้ และช่วยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมหรือผลิตภัณฑ์ที่อาจทำให้สิวรุนแรงขึ้นได้อีกด้วย
โปรแกรมรักษาสิวที่รมย์รวินท์คลินิก
รวมโปรแกรมรักษาสิว เคลียร์จบครบทุกปัญหาผิวที่รมย์รวินท์
รมย์รวินท์คลินิกมีโปรแกรมรักษาสิวที่ออกแบบมาอย่างหลากหลาย ครอบคลุมการรักษาสิวทุกประเภท รวมถึงช่วยแก้ปัญหาผิวที่มักเกิดจากการรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยโปรแกรมรักษาสิวที่รมย์รวินท์คลินิก มีทั้งหมด 5 โปรแกรม ดังนี้
โปรแกรม AC Clear I
AC Clear I เป็นโปรแกรมรักษาสิวที่ผสานทั้งเทคนิคทางการแพทย์และการบำรุงผิวอย่างอ่อนโยนไว้ด้วยกัน เพื่อผลลัพธ์ในการรักษาสิว ฟื้นฟูผิว และป้องกันการเกิดซ้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนการรักษาสิวของโปรแกรม AC Clear I
AC Clear I มีขั้นตอนการประกอบด้วย 4 ขั้นตอนการกำจัดสิวที่ครอบคลุม ตั้งแต่การกำจัดสิวที่เกิดขึ้นแล้ว ไปจนถึงการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำในอนาคตด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กดสิวอย่างถูกวิธีโดยแพทย์
ขั้นตอนแรกแพทย์จะทำการกดสิวด้วยเทคนิคที่ถูกต้อง เพื่อลดการอุดตันของรูขุมขน และเปิดหัวสิวอย่างไม่เป็นอันตราย ช่วยให้หัวสิวหลุดออกอยย่างสะอาดโดยไม่ทำให้เกิดแผลลึก หรือสร้างรอยแผลเป็นในอนาคต
ขั้นตอนที่ 2 ฉีดสิวเพื่อลดการอักเสบเฉพาะจุด
ในขั้นตอนนี้ฉีดยาต้านการอักเสบให้สิวที่กำลังแดง บวม หรืออักเสบ ช่วยให้สิวยุบลงและลดโอกาสในการเกิดรอยดำหรือหลุมสิวหลังสิวยุบได้
ขั้นตอนที่ 3 ทรีตเมนต์ลดการอักเสบและเติมวิตามิน
ขั้นตอนนี้ออกแบบมาเพื่อลดการอักเสบของผิวและเสริมวิตามินบำรุงเข้าสู่ผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรง ฟื้นตัวได้เร็ว สร้างสมดุลในการทำงานของผิว เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ
ขั้นตอนที่ 4 มาสก์ปลอบประโลมผิวอย่างอ่อนโยน
ขั้นตอนสุดท้ายจะปิดท้ายด้วยการมาสก์บำรุงผิว ช่วยลดอาการแสบ แดง หรือระคายเคืองจากขั้นตอนการทำ พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการสูญเสียน้ำ และเสริมปราการป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น
สิวแบบไหนที่รักษาได้ด้วย AC Clear I
AC Clear I ถูกออกแบบมาให้รับมือกับสิวได้ครอบคลุมทั้งสิวไม่อักเสบและสิวอักเสบ โดยสามารถรักษาสิวได้ดังนี้
1.สิวไม่อักเสบ (Non-inflammatory acne)
- สิวอุดตัน (Comedones)
- สิวหัวดำ (Blackheads)
- สิวหัวขาว (Whiteheads)
- สิวไม่มีหัว
- สิวผด
- สิวเสี้ยน
2.สิวอักเสบ (Inflammatory acne)
- สิวหัวหนอง
- สิวหัวช้าง
- สิวอักเสบลึก
- สิวฮอร์โมน
- สิวจากสารสเตียรอยด์
AC Clear I เหมาะสำหรับ
- AC Clear I เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวอย่างครอบคลุม
- AC Clear I เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
- AC Clear I เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย หรือเป็นสิวซ้ำ
- AC Clear I เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอุดตัน สิวไม่มีหัว สิวหัวดำ และต้องการดูแลแบบไม่รุนแรง
- AC Clear I เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ ควบคู่กับการรักษาสิว
ทำไมควรรักษาสิวด้วย AC Clear I
- รักษาสิวพร้อมฟื้นฟูผิวอย่างครอบคลุมในทุกขั้นตอน
- เหมาะกับทุกสภาพผิว แม้ผิวแพ้ง่าย ทุกขั้นมีความอ่อนโยน ไม่ใช้เทคนิคที่ไม่รุนแรง
- รักษาสิวได้หลากหลายประเภท พร้อมลดการกลับมาเป็นซ้ำในระยะยาว
- ช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น
โปรแกรม AC Clear II
AC Clear II ถูกออกแบบเพื่อดูแลสิวเฉพาะจุด ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือรอยสิว โดยผสานการรักษาทางการแพทย์เข้ากับการบำรุงผิวที่อ่อนโยน เพื่อช่วยให้ผิวแข็งแรงจากภายใน ลดการอักเสบอย่างมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสของการเกิดสิวซ้ำในอนาคต
ขั้นตอนการรักษาสิวของโปรแกรม AC Clear II
AC Clear II มีขั้นตอนที่ครอบคลุมในการลดการเกิดสิวใหม่ ควบคุมความมัน และทำให้ผิวกลับมาเรียบเนียนกระจ่างใส โดยประกอบด้วย 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กดสิวอุดตัน
ในขั้นตอนแรกจะเป็นการกดสิวอุดตันที่เสี่ยงต่อการลุกลามเป็นสิวอักเสบ โดยใช้เทคนิคที่ไม่ทำให้ผิวช้ำหรือเกิดการติดเชื้อ พร้อมลดการอุดตันในรูขุมขนที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิวใหม่
ขั้นตอนที่ 2 ฉีดสิวโดยแพทย์
ในขั้นตอนที่สองจะต่อด้วยการฉีดสิวเฉพาะจุด เพื่อลดการอักเสบ ช่วยให้สิวยุบเร็ว ลดอาการบวมแดง และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ
ขั้นตอนที่ 3 เลเซอร์สิวเฉพาะจุด
ขั้นตอนถัดมาคือการเลเซอร์เฉพาะจุดในบริเวณที่มีสิวอักเสบหรือรอยดำ เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ควบคุมความมัน ลดการอักเสบ และกระตุ้นการฟื้นฟูผิว ลดเลือนรอยสิวให้จางลง
ขั้นตอนที่ 4 ทรีตเมนต์ P-Acne
ขั้นตอนสุดท้ายคือการทำทรีตเมนต์ เพื่อผลักตัวยาลดการอักเสบและวิตามินลงสู่ผิว ช่วยให้ผิวสมดุล ลดการระคายเคือง และเสริมความแข็งแรงให้ผิวฟื้นตัวจากสิวได้เร็วขึ้น
สิวแบบไหนที่รักษาได้ด้วย AC Clear II
- สิวหัวขาว
- สิวหัวดำ
- สิวอักเสบ
- สิวหัวหนอง
- สิวหัวช้าง
- สิวจากการแพ้หรือระคายเคือง
AC Clear II เหมาะสำหรับ
AC Clear II เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การรักษาสิวหลากหลายประเภท จึงสามารถรักษาสิวได้อย่างครอบคลุม จึงเหมาะสำหรับหลายบุคคล โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยารับประทานหรือยาทาสิว นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหา ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีรอยสิวเพียงบางจุด ไม่ได้มีปัญหาสิวทั่วทั้งใบหน้า
- ผู้ที่มีสิวสิวอุดตัน สิวอักเสบ
- ผู้ที่มีสิวหัวหนองและสิวหัวช้าง
- ผู้ที่มีปัญหาสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง
- ผู้ที่มีสิวจากการแพ้หรือระคายเคือง
- ผู้ที่มีปัญหารอยดำจากสิว ต้องการลดเลือนจุดด่างดำ ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูสม่ำเสมอและกระจ่างใส
- ผู้ที่มีผิวผิวบอบบางแพ้ง่าย
ทำไมควรรักษาสิวด้วย AC Clear II
AC Clear II ไม่ได้เป็นเพียงแค่โปรแกรมรักษาสิวเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่เกิดจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อดีของโปรแกรม AC Clear II มีหลายประการ ดังนี้
- AC Clear II ช่วยฟื้นฟูผิว ลดโอกาสการเกิดสิวใหม่
- AC Clear II ช่วยลดความมันส่วนเกินที่เป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวได้
- AC Clear II ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย C.acnes ที่เป็นต้นเหตุของสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- AC Clear II สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่าย เพราะมีความอ่อนโยนและไม่ทำให้ผิวบาง
- AC Clear II เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการพึ่งพาการใช้ยาในการรักษาสิว
AC Clear II เป็นโปรแกรมรักษาสิวเฉพาะจุด ที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวเล็กน้อยถึงปานกลางและมีผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหาเฉพาะจุด ซึ่งโปรแกรมนี้ช่วยรักษาสิว รวมถึงฟื้นฟูและป้องกันการเกิดสิวในอนาคตอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ
โปรแกรม AC Clear III
AC Clear III เป็นโปรแกรมรักษาสิวที่ออกแบบมาเพื่อจัดการปัญหาสิวทั้งใบหน้า จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวกระจายทั่วใบหน้า หรือมีแนวโน้มเป็นสิวซ้ำ ๆ สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและไม่เป็นอันตราย ด้วยขั้นตอนการรักษาที่ครอบคลุมใน 4 ขั้นตอน
ขั้นตอนการรักษาสิวของโปรแกรม AC Clear III
โปรแกรม AC Clear III เน้นการกำจัดสิวอย่างครอบคลุมทั่วใบหน้า เน้นลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิว และป้องกันการเกิดสิวซ้ำ ด้วยขั้นตอนการรักษาทั้งหมด 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กดสิวทั่วใบหน้า
ในขั้นตอนแรกของการทำโปรแกรม AC Clear III จะทำความสะอาดและกดสิวอุดตันทั่วใบหน้าอย่างถูกวิธีด้วยเทคนิคที่ไม่ทำให้ผิวช้ำ ลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำ
ขั้นตอนที่ 2 ฉีดสิวเฉพาะจุด
ในขั้นตอนที่สองจะฉีดยาลดการอักเสบในบริเวณที่มีสิวอักเสบหรือบวมแดง เพื่อยับยั้งการลุกลามของสิว และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหรือหลุมสิวได้
ขั้นตอนที่ 3 ทำทรีตเมนต์ P-Acne
ในขั้นตอนนี้จะผลักตัวยาต้านการอักเสบลงสู่ชั้นผิว พร้อมเติมความชุ่มชื้นและให้สารบำรุงผิว เพื่อให้ผิวแข็งแรงและลดการระคายเคือง
ขั้นตอนที่ 4 ทำเลเซอร์ทั่วใบหน้า
ในขั้นตอนสุดท้ายของโปรแกรม AC Clear III เราจะใช้เลเซอร์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ควบคุมความมัน และลดรอยแดง รอยดำจากสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ
สิวแบบไหนที่รักษาได้ด้วย AC Clear III
- สิวหัวขาว
- สิวหัวดำ
- สิวอักเสบ
- สิวหัวหนอง
- สิวฮอร์โมน
- สิวที่เกิดจากความเครียด
- สิวผด
- สิวจากการระคายเคือง
AC Clear III เหมาะสำหรับ
AC Clear III เป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาสิวที่กระจายอยู่ทั่วทั้งใบหน้า พร้อมแก้ไขปัญหาผิวและฟื้นฟูผิวให้กลับมาเรียบเนียนกระจ่างใส ทำให้โปรแกรมการรักษานี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้ที่มีปัญหาผิวที่หลากหลาย ดังนี้
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวกระจายทั่วใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวซ้ำ ๆ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสิวพร้อมกับแก้ไขปัญหาผิว
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์การรักษาสิวชัดเจน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางและแพ้ง่าย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาสิวที่ไม่เป็นอันตราย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการรับประทานยาในการรักษาสิว
ทำไมควรรักษาสิวด้วย AC Clear III
- AC Clear III รักษาสิวได้ครอบคลุมหลายประเภท
- AC Clear III เห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน
- AC Clear III ช่วยลดเลือนรอยดำ รอยแดง และลดความเสี่ยงของหลุมสิวได้
- AC Clear III ช่วยควบคุมความมันและลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- AC Clear III โปรแกรมรักษาสิวนี้ทุกขั้นตอนดูแลโดยแพทย์ จึงมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและไม่เป็นอันตราย
AC Clear III เหมาะกับผู้ที่ต้องการการรักษาสิวทั่วใบหน้า เพราะโปรแกรมนี้ออกแบบมาให้ครอบคลุมทั้งการฟื้นฟูผิวและรักษาสิว โดยไม่พึ่งการใช้ยา ไม่เป็นอันตรายและเห็นผลจริง
Smart Laser
Smart Laser
Smart Laser เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยน โดยเน้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน กระจ่างใสขึ้น พร้อมช่วยลดรอยดำรอยแดงที่เกิดจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำงานของ ประกอบด้วย 2 เลเซอร์ที่ทำงานด้วยกัน ดังนี้
- เลเซอร์แสงสีเหลือง (Yellow Light Laser)
เลเซอร์นี้จะมีความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร ช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ลดรอยแดงที่มักเกิดจากสิว และลดความเสี่ยงของการเกิดสิวซ้ำในอนาคต พร้อมช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง สุขภาพดี
- เลเซอร์แสงสีเขียว (Green Light Laser)
เลเซอร์นี้มีความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร ช่วยลดเลือนรอยดำ ฝ้า กระ ปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอขึ้น ผิวหน้าดูใสและสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
2
ขั้นตอนการรักษาสิวของโปรแกรม Smart Laser
ขั้นตอนการรักษาสิวของโปรแกรม Smart Laser ของแต่ละคลินิกจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไปตามการให้บริการของแต่ละสถานบริการ โดยขั้นตอนหลังของการทำ Smart Laser จะมีขั้นตอนการทำหลัก ๆ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 ปรึกษาแพทย์และประเมินสภาพผิว
ในขั้นตอนแรกก่อนการทำ Smart Laser จะต้องทำการปรึกษาแพทย์จะทำการวิเคราะห์สภาพผิว เพื่อประเมินระดับปัญหาสิว และออกแบบแผนการรักษาที่เหมาะสมแต่ละบุคคล
ขั้นตอนที่ 2 ทำความสะอาดผิวหน้าอย่างล้ำลึก
ก่อนเริ่มการทำเลเซอร์จะต้องทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอางออกจากผิว
ขั้นตอนที่ 3 ยิงเลเซอร์ลงสู่ชั้นผิว
ในขั้นตอนนี้แพทย์จะใช้เครื่อง Smart Laser ยิงพลังงานเลเซอร์ไปยังบริเวณผิวที่มีปัญหา โดยเน้นไปที่สิว รอยแดง รอยดำ และจุดด่างดำ โดยเลเซอร์จะลงไปที่ชั้นผิวโดยไม่กระทบต่อผิวบริเวณรอบข้าง
ขั้นตอนที่ 4 ปลอบประโลมผิวหลังทำเลเซอร์
หลังจากการทำเลเซอร์จะมีการประคบเย็นหรือทาผลิตภัณฑ์บำรุง เพื่อช่วยลดการระคายเคือง ช่วยฟื้นฟูผิวให้ผิวสบาย ไม่ระคายเคืองหลังทำ
ขั้นตอนที่ 5 การแนะนำการดูแลผิวหลังทำ
หลังจากผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ที่ผ่านมาแล้ว แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวหลังเลเซอร์ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้เต็มที่และลดความเสี่ยงของการระคายเคือง
Smart Laser เหมาะสำหรับ
Smart Laser เป็นวิธีการรักษาสิว ลดรอยดำ รอยแดง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวบาง นอกจากนี้โปรแกรมนี้สามารถทำได้กับผู้ที่มีปัญหาผิวหลายประเภท ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบและต้องการการรักษาที่ไม่เป็นอันตราย
- ผู้ที่มีรอยแดง รอยดำ หรือจุดด่างดำจากสิวเดิม
- ผู้ที่ต้องการเลเซอร์เฉพาะจุดโดยไม่ทำลายผิวรอบข้าง
- ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและบอบบาง
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ผิวเรียบเนียน กระจ่างใส รูขุมขนกระชับ
- ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างอ่อนโยนควบคู่กับการลดสิว
ทำไมควรรักษาสิวด้วย Smart Laser
- พลังงานเลเซอร์ลงลึกเฉพาะจุดปัญหา ไม่ทำร้ายผิวรอบข้าง
- ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ไม่ทำให้ผิวบางหรือไวต่อแสง
- สามารถทำได้กับทุกสภาพผิว แม้ในผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันต่อได้
AviClear Laser
AviClear Laser
AviClear Laser เป็นเทคโนโลยีที่ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ ซึ่งเลเซอร์นี้จะทำงานด้วยการทำลายต่อมไขมันที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ทำให้สามารถรักษาสิวและลดการเกิดสิวในระยะยาวได้อีกด้วย
ขั้นตอนการรักษาสิวของโปรแกรม AviClear Laser
ขั้นตอนการรักษาด้วย AviClear Laser มีขั้นตอนการรักษาที่ไม่ซับซ้อนแต่สามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขั้นตอนการทำงานหลัก ๆ สามารถทำได้ ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมผิวก่อนเริ่มการรักษา
ในขั้นตอนแรกก่อนการทำ AviClear Laser จะต้องทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และเครื่องสำอางที่ตกค้าง จากนั้นจะทำการใช้ สารอะซิโตน (Acetone) ทางการแพทย์ เช็ดผิวหน้าเบา ๆ เพื่อขจัดความมันส่วนเกินในรูขุมขน เพื่อช่วยให้พลังงานเลเซอร์ซึมลงสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงของการระคายเคืองในระหว่างการรักษา
ขั้นตอนที่ 2 การให้ความชุ่มชื้นก่อนยิงเลเซอร์
ในขั้นตอนถัดมาเมื่อผิวใบหน้าสะอาดแล้ว แพทย์จะใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำสะอาดวางบนผิวหน้าเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยให้ผิวพร้อมรับพลังงานจากเลเซอร์ ลดความรู้สึกไม่สบายผิวและป้องกันไม่ให้ผิวแห้งตึงในระหว่างการยิงเลเซอร์
ขั้นตอนที่ 3 ยิงเลเซอร์ด้วย AviClear Laser
ในขั้นตอนนี้แพทย์จะยิงเลเซอร์ด้วยเครื่อง AviClear Laser เพื่อส่งพลังงานเข้าไปที่ต่อมไขมัน เพื่อหยุดการทำงานของต่อมไขมัน ลดการผลิตน้ำมันที่เป็นสาเหตุของสิว ซึ่งในเครื่องเลเซอร์ มีระบบภายในเครื่องมีฟังก์ชัน Cooling ช่วยลดความร้อนที่ผิว ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกเย็นสบายขณะทำ ไม่เกิดแผลหรือการลอกของผิว
ขั้นตอนที่ 4 ประคบเย็นหลังการรักษา
หลังจากทำการยิง AviClear Laser จะประคบเย็นบริเวณที่ทำการรักษา เพื่อช่วยลดความร้อนสะสม ลดอาการแดง และบรรเทาความรู้สึกไม่สบายผิว
สิวแบบไหนที่รักษาได้ด้วย AviClear Laser
AviClear Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ออกแบบมา เพื่อจัดการกับสิวโดยเฉพาะ ทำให้สามารถรักษาสิวได้อย่างครอบคลุมทุกประเภท โดยสิวที่สามารถรักษาได้ด้วย AviClear Laser มีดังนี้
- สิวอุดตันหัวขาว
- สิวอุดตันหัวดำ
- สิวอักเสบ
- สิวหัวช้าง
- สิวเรื้อรัง
- สิวในวัยผู้ใหญ่
- สิวฮอร์โมน
AviClear Laser เหมาะสำหรับ
- ผู้ที่มีสิวทุกประเภท
- ผู้ที่มีสิวเรื้อรัง รักษามาหลายวิธีแล้วยังไม่ดีขึ้น
- ผู้ที่มีผิวบอบบางและไวต่อสารเคมี
- ผู้ที่ต้องการผลการรักษาระยะยาวและลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของสิว
- ผู้ที่ไม่สามารถใช้ยารักษาสิวได้
ทำไมควรรักษาสิวด้วย AviClear Laser
การรักษาสิวด้วย AviClear Laser สามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ แต่นอกจากการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพแล้ว AviClear Laser ยังมีข้อดีหลายประการ ดังนี้
- ไม่เป็นอันตรายและได้รับการรับรอง ทำให้มั่นใจได้ถึงมาตรฐานของการรักษา
- ลดการทำงานของต่อมไขมันที่เป็นปัจจัยหลักของสิว ทำให้ลดโอกาสเกิดสิวใหม่อย่างยาวนาน
- หลังทำสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- เหมาะกับทุกสภาพผิว ใช้ได้กับทุกโทนสีผิว และทุกประเภทของสิว
- ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน กระชับ และลดความมันส่วนเกินได้อีกด้วย
วิธีเลือกโปรแกรมรักษาสิว
การเลือกโปรแกรมรักษาสิวถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การรักษาสิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากสิวแต่ละประเภทมีสาเหตุการเกิดและต้องการวิธีรักษาสิวที่ต่างกันออกไป โดยวิธีการเลือกโปรแกรมการรักษาสิวอาจพิจารณาได้จากปัจจัย ดังต่อไปนี้
- ประเมินประเภทของสิวที่เป็น เพื่อเลือกวิธีการรักษาสิวที่เหมาะสม โดยขั้นตอนนี้จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อปรึกษาร่วมกับแพทย์
- ตรวจสอบสาเหตุการเกิดสิว เพื่อเลือกแนวทางรักษาที่เหมาะสมกับการเกิดสิว
- เลือกวิธีที่เหมาะกับสภาพผิวและการใช้ชีวิต เนื่องจาก
- ควรเลือกโปรแกรมรักษาที่ไม่เป็นอันตรายและได้รับการรับรอง
- วางแผนการรักษาสิวร่วมกับแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- เปรียบเทียบราคาและความคุ้มค่า เพื่อให้ได้ผลลัพธ์คุ้มค่าที่สุด
รมย์รวินท์คลินิกเข้าใจถึงความแตกต่างของปัญหาผิวแต่ละคน จึงได้ออกแบบโปรแกรมการรักษาสิวที่ครอบคลุมและหลากหลาย ทั้งโปรแกรมสำหรับผู้ที่มีสิวเรื้อรัง สิวจากฮอร์โมน สิวอักเสบรุนแรง ไปจนถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหลังจากการเป็นสิวและการลดโอกาสการเกิดสิวซ้ำในอนาคต พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย การใช้เวชสำอางคุณภาพ และคำแนะนำจากแพทย์