
Polynucleotide (PN) คืออะไร?
Polynucleotide (PN) คืออะไร? ตัวช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากภายใน
ในปัจจุบันการทำหัตถการทางการแพทย์มีความก้าวหน้า และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยหนึ่งในสารบำรุงผิวที่ได้รับความนิยม และถูกพูดถึงมาอย่างยาวนานคือ “Polynucleotide (PN)” หรือสารที่สกัดจากปลาแซลมอน ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟู และซ่อมแซมผิวถึงระดับเซลล์ พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวมีสุขภาพที่ดี และดูอ่อนกว่าวัยอย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับ PN แบบเจาะลึกว่า PN คืออะไร? มีจุดเด่นอย่างไร? เหมาะกับใคร? และมีหัตถการอะไรที่มี PN เป็นส่วนประกอบบ้าง? รมย์รวินท์คลินิกรวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว
เจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ผิวดูโทรม และเสื่อมสภาพ
สาเหตุที่ทำให้ผิวโทรม และเสื่อมสภาพส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งภายใน และภายนอก ดังนี้
- แสงแดด และรังสี UV เป็นสาเหตุที่ทำให้คอลลาเจนถูกทำลาย และกระตุ้นการสร้างเม็ดสี รวมถึงเร่งให้ผิวดูแก่ก่อนวัย ซึ่งส่งผลให้เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ และผิวขาดน้ำได้ง่าย
- ฝุ่น ควัน และมลภาวะ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ระคายเคือง และสูญเสียน้ำมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดริ้วรอย และมีแนวโน้มเป็นสิวได้ง่าย
- พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวไม่สามารถซ่อมแซม และฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผิวดูโทรม และแก่กว่าวัยได้ง่าย
- ความเครียดสะสม เป็นสาเหตุที่ทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลง และกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ทำให้ผิวดูโทรม อ่อนแอ และเสื่อมสภาพได้ง่าย
- รับประทานอาหารไม่มีประโยชน์ เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง หรืออาหารแปรรูป ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบ อ่อนแอ และเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- การดูแลผิวไม่เหมาะสม เช่น ล้างหน้ารุนแรงเกินไป ผลัดเซลล์ผิวบ่อย ไม่ทาครีมกันแดด และไม่ทามอยส์เจอไรเซอร์ อาจทำให้ผิวเกิดการอักเสบ ระคายเคือง ขาดน้ำ และเสื่อมสภาพได้ง่าย
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น เป็นสาเหตุที่ทำให้การผลิตคอลลาเจนลดลง และการผลัดเซลล์ผิวช้าลง รวมถึงผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ผิวดูโทรม แห้งกร้าน หมองคล้ำ ขาดความยืดหยุ่น และเกิดริ้วรอยได้

Polynucleotide (PN) คืออะไร?
Polynucleotide (PN) คืออะไร?
Polynucleotide หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ PN เป็นสารที่สกัดจากชิ้นส่วน DNA ของปลาแซลมอนในน้ำทะเลธรรมชาติ ซึ่งมีโมเลกุล DNA เป็นโครงสร้างสายเดี่ยวยาว โดยผ่านกระบวนการที่ทำให้ได้ PN ที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากมีความเข้ากันได้ดีกับร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน
ซึ่งโดยส่วนใหญ่ PN มักถูกนำไปใช้เป็นส่วนประกอบหลักในหัตถการงานผิวกลุ่ม Skin Booster เช่น Rejuran หรือ Puryal Densify โดยได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับสภาพผิว และฟื้นฟูเซลล์ผิวโดยเฉพาะ พร้อมทั้งกระตุ้นคอลลาเจน และเสริมเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น เรียบเนียน กระจ่างใส และดูแข็งแรงจากภายใน
Polynucleotide (PN) ทำงานอย่างไร?
เมื่อฉีด Polynucleotide (PN) เข้าสู่ผิวหนัง สารนี้จะเข้าไปทำงานโดยการส่งเสริมกระบวนการซ่อมแซม และฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายจากปัจจัยภายนอก เช่น แสงแดด ฝุ่น ควัน และมลภาวะ พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผิวเรียบเนียน กระชับ ยืดหยุ่น และชุ่มชื้นอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ยังช่วยในการเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier) ให้มีความแข็งแรง รวมถึงลดการสูญเสียน้ำ ลดการอักเสบ และลดการระคายเคืองของผิวได้อีกด้วย

Polynucleotide (PN) ช่วยเรื่องอะไร?
Polynucleotide (PN) ช่วยเรื่องอะไร?
- ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพจากแสงแดด มลภาวะ หรืออายุที่มากขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และเติมน้ำให้ผิวจากภายใน
- ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใส เปล่งปลั่ง และดูสม่ำเสมอ
- ช่วยกระชับรูขุมขน และปรับผิวให้มีความเรียบเนียน
- ช่วยลดเลือนหลุมสิวตื้น ๆ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยเส้นเล็ก ๆ บนใบหน้า
- ช่วยลดเลือนจุดด่างดำ และรอยสิวบนใบหน้า
- ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว
- ช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้มีความแข็งแรง
- ช่วยลดกระบวนการอักเสบ และการระคายเคืองของผิว
Polynucleotide (PN) มีจุดเด่นอะไรบ้าง?
Polynucleotide (PN) หรือสารสกัดจากปลาแซลมอน เป็นสารบำรุงผิวที่มีจุดเด่นหลายประการ ดังนี้
- สามารถฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพถึงระดับเซลล์ ทำให้ผิวดูสุขภาพดี และอ่อนกว่าวัยจากภายใน
- สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี เนื่องจากมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน
- สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันตรายในระยะยาว
- สามารถเห็นผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติหลังฉีด โดยไม่แข็งทื่อ และไม่ทำให้โครงหน้าเปลี่ยน
- เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวมัน หรือแม้แต่ผิวบอบบาง แพ้ง่าย
- สามารถใช้ร่วมกับหัตถการอื่น ๆ ได้ เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพของผลลัพธ์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

Polynucleotide (PN) เหมาะกับใคร?
Polynucleotide (PN) เหมาะกับใคร?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้าน และขาดน้ำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ หรือริ้วรอยแรกเริ่มบนใบหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิว รอยแผลเป็นตื้น ๆ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจุดด่างดำ รอยดำ รอยแดงจากสิว
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระชับ และขาดความยืดหยุ่น
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวอ่อนแอ แพ้ง่าย หรือระคายเคืองง่าย
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวดูโทรม และขาดการบำรุง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาแต่งหน้าแล้วไม่ติด หรือแต่งหน้าแล้วเป็นขุย
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมแซมผิวที่เสียหายจากแสงแดด มลภาวะ หรือปัจจัยต่าง ๆ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่แลดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงโครงหน้าเดิม
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมผิวก่อนทำหัตถการ หรือฟื้นฟูผิวหลังทำหัตถการ
ทั้งนี้ ก่อนเข้าใช้บริการควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
Polynucleotide (PN) ไม่เหมาะกับใคร?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติแพ้อาหารทะเล หรือมีประวัติแพ้ปลาแซลมอน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีบาดแผลติดเชื้อ หรือแผลเปิดบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวอักเสบเรื้อรัง หรือเป็นสิวอักเสบบริเวณที่จะทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือด หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือด
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และร่องลึกที่ชัดเจน เนื่องจาก PN เป็นสารที่เน้นการบำรุง และฟื้นฟูเซลล์ผิว
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก ต้องการยกกระชับผิวที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน
ทั้งนี้ ก่อนเข้าใช้บริการควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์รับทราบ ไม่ว่าจะเป็นประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
Polynucleotide (PN) กับ Hyaluronic Acid (HA) ต่างกันอย่างไร?
Polynucleotide (PN) และ Hyaluronic Acid (HA) ถือเป็นสารที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในวงการแพทย์ความงาม ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้ก็มีหลักการทำงาน และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
- Polynucleotide (PN)
Polynucleotide (PN) เป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูง ทำให้ร่างกายสามารถยอมรับได้ โดยไม่เกิดการต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน โดย PN มีหน้าที่หลักในการฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากภายใน พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ยืดหยุ่น กระจ่างใส และดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวโทรม อ่อนแอ แพ้ง่าย และต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม
- Hyaluronic Acid (HA)
Hyaluronic Acid (HA) เป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมา เพื่อเลียนแบบ HA ในร่างกาย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในหัตถการกลุ่มฟิลเลอร์ โดยมีหน้าที่หลักในการกักเก็บความชุ่มชื้น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และเพิ่มปริมาตรให้ผิวโดยตรง พร้อมทั้งยกกระชับปรับรูปหน้าเฉพาะจุด ส่งผลให้ผิวดูมีวอลลุ่ม ชุ่มชื้น อิ่มฟู และใบหน้ามีมิติมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็ม และปรับปรุงโครงสร้างใบหน้า โดยสามารถเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
Polynucleotide (PN) กับ Biostimulator ต่างกันอย่างไร?
Polynucleotide (PN) และ Biostimulator ถือเป็นสารที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ความงาม ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้ก็มีหลักการทำงาน และคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
- Polynucleotide (PN)
Polynucleotide (PN) เป็นสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนที่มีความบริสุทธิ์สูง และมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ ทำให้เข้ากันได้ดีกับร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหายจากปัจจัยต่าง ๆ พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ยืดหยุ่น กระจ่างใส และดูเรียบเนียนมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวโทรม อ่อนแอ แพ้ง่าย และต้องการฟื้นฟูสภาพผิวโดยรวม
Biostimulator เป็นกลุ่มสารกระตุ้นคอลลาเจน เช่น PLLA (Poly-L-Lactic Acid), CaHA (Calcium Hydroxyapatite) หรือ PCL (Polycaprolactone) โดยมีคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจน และอีลาสตินเพิ่มขึ้นตามธรรมชาติ พร้อมทั้งฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งจะไม่ใช่การเติมเต็มสารเข้าไปเพียงชั่วคราว แต่จะเป็นการกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว ส่งผลให้ผิวกลับมาแน่นฟู กระชับ เต่งตึง ยืดหยุ่น และผิวมีคุณภาพที่ดีขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหลวมจากการขาดคอลลาเจน มีริ้วรอย ร่องลึก และผิวหย่อนคล้อยตามวัย รวมถึงผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีความยั่งยืน

Polynucleotide (PN) ใช้เป็นส่วนประกอบในหัตถการอะไร?
Polynucleotide (PN) ใช้เป็นส่วนประกอบในหัตถการอะไร?
Polynucleotide (PN) เป็นสารสกัดจากปลาแซลมอน ที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในหัตถการต่าง ๆ ดังนี้
-
Rejuran
Rejuran เป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่มีส่วนประกอบหลักของ Polynucleotide (PN) เข้มข้นสูงถึง 2% โดยถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงคุณภาพผิว ฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย และกระตุ้นสร้างเซลล์ผิวใหม่ พร้อมทั้ง กระตุ้นสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ และกระตุ้นการหลั่ง Growth Factor ทำให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องของผิวที่มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ยืดหยุ่น กระจ่างใส และเรียบเนียนจากภายใน ซึ่งสามารถนำมาฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น หน้าแก้ม หน้าผาก รอบดวงตา ร่องแก้ม ร่องมุมปาก และลำคอ
โดย Rejuran จะถูกบรรจุอยู่ในไซริงค์ในรูปแบบเจลใสพร้อมฉีด ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด Rejuran ทั้งหมด 4 ครั้ง ห่างกันประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถคงอยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
ข้อดีของ Rejuran มีอะไรบ้าง?
- Rejuran มีส่วนประกอบหลักของ PN ที่มีความเข้มข้นสูงถึง 2%
- Rejuran เน้นการปรับสภาพผิว และฟื้นฟูเซลล์ผิวที่อ่อนแอจากภายใน
- Rejuran สามารถฉีดได้หลายบริเวณ แม้บริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตา
- Rejuran สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา
- Rejuran สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในชั้นผิว
- Rejuran ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก องค์การอาหารและยา (อย.)
-
Pluryal Densify
Puryal Densify เป็นผลิตภัณฑ์จากประเทศลักเซมเบิร์ก ที่มีส่วนประกอบหลักของ Polynucleotide (PN) ปริมาณ 10 มก./มล. ร่วมกับ Hyaluronic Acid (HA) ปริมาณ 10 มก./มล. และ Mannitol ปริมาณ 40 มก./มล. โดยถูกออกแบบมาเพื่อปรับปรุงความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว พร้อมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้น ต้านสารอนุมูลอิสระ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ได้ผลลัพธ์ในเรื่องของผิวที่มีความชุ่มชื้น อิ่มน้ำ กระชับ และเรียบเนียนจากภายใน ซึ่งสามารถนำมาฉีดได้หลากหลายบริเวณ เช่น หน้าแก้ม ร่องแก้ม รอยพับจมูก ลำคอ หลังมือ และเนินอก แต่จะไม่แนะนำให้ฉีดบริเวณรอบดวงตา
โดย Puryal Densify จะถูกบรรจุอยู่ในไซริงค์ในรูปแบบเจลใสพร้อมฉีด ซึ่งส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด Puryal Densify ทั้งหมด 3 ครั้ง ต่อเนื่องกัน 3 สัปดาห์ จากนั้นผลลัพธ์ที่ได้จะสามารถคงอยู่ได้นานถึง 3 – 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
ข้อดีของ Pluryal Densify มีอะไรบ้าง?
- Puryal Densify ผสานส่วนประกอบมากถึง 3 ชนิด ได้ PN, HA และ Mannitol
- Puryal Densify เน้นการปรับปรุงความยืดหยุ่น และความกระชับของผิว
- Puryal Densify สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา
- Puryal Densify สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างในชั้นผิว
- Puryal Densify สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำการรักษา
- Puryal Densify ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก องค์การอาหารและยา (อย.)
วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Polynucleotide (PN)
- ก่อนฉีดสาร PN ควรศึกษาข้อมูล และเข้ารับการปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินสภาพผิวก่อนทำหัตถการ
- ก่อนฉีดสาร PN ควรแจ้งข้อมูลสุขภาพให้แพทย์รับทราบ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง
- ก่อนฉีดสาร PN งดรับประทานอาหารเสริม หรือยาที่ทำให้เลือดออกง่าย เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี หรือน้ำมันปลา
- ก่อนฉีดสาร PN งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่
- ก่อนฉีดสาร PN งดการทำเลเซอร์ แว็กซ์ กำจัดขน หรือทรีตเมนต์ที่ระคายเคืองผิว
- ก่อนฉีดสาร PN งดการทำสครับ ขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
- ก่อนฉีดสาร PN ควรนอนหลับให้เพียงพอ และดื่มน้ำบ่อย ๆ
- ก่อนฉีดสาร PN หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ
ขั้นตอนการฉีด Polynucleotide (PN)
- เข้ารับการปรึกษาแพทย์
ก่อนเริ่มทำหัตถการ ควรเข้ารับการปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจ วิเคราะห์ และประเมินสภาพผิวอย่างละเอียด พร้อมพูดคุย และสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ เช่น ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ ประวัติการรักษา และยาที่รับประทานอยู่
- วางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
เมื่อตรวจประเมินสภาพผิวแล้ว แพทย์จะวางแผนการรักษา โดยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว กำหนดปริมาณสารที่ควรใช้ และบริเวณที่จะฉีดอย่างแม่นยำ
- เตรียมผิวก่อนทำหัตถการ
ก่อนเริ่มหัตถการ ผู้ช่วยแพทย์จะเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะฉีด เพื่อขจัดเครื่องสำอาง และสิ่งสกปรกออกผิวหน้า พร้อมทั้งทายาชาทิ้งไว้ในบริเวณที่จะฉีดประมาณ 30 – 45 นาที เพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดขณะฉีด
- เริ่มทำหัตถการโดยแพทย์
แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กฉีดสาร Polynucleotide (PN) เข้าสู่ชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) โดยใช้เทคนิคการฉีดที่เหมาะสม ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด
- แพทย์ให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเอง
หลังทำหัตถการเสร็จสิ้น แพทย์จะให้คำแนะนำเรื่องการดูแลตัวเอง และข้อปฏิบัติหลังฉีด เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง
วิธีการดูแลตัวเองหลังฉีด Polynucleotide (PN)
- หลังฉีดสาร PN หลีกเลี่ยงการนวด กด จับ หรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง
- หลังฉีดสาร PN งดการแต่งหน้าหนักบริเวณที่ฉีดประมาณ 12 – 24 ชั่วโมงแรก
- หลังฉีดสาร PN งดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก หรือการออกกำลังกายหนัก
- หลังฉีดสาร PN งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และงดการสูบบุหรี่
- หลังฉีดสาร PN งดการสัมผัสความร้อน และโดนแสงแดด
- หลังฉีดสาร PN ควรทาครีมบำรุงผิว หรือมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- หลังฉีดสาร PN ควรปกป้องผิวจากแสงแดด ด้วยการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ขึ้นไป
- หลังฉีดสาร PN ควรอยู่ในสถานที่ที่เย็นสบาย เพื่อลดอาการบวม
- หลังฉีดสาร PN งดการทำเลเซอร์ แว็กซ์ กำจัดขน หรือทรีตเมนต์ที่ระคายเคืองผิว
- หลังฉีดสาร PN งดการทำสครับ ขัดผิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว
- หลังฉีดสาร PN ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มาก ๆ
- หลังฉีดสาร PN ควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ผลลัพธ์ที่ได้จาก Polynucleotide (PN)
ผลลัพธ์ที่ได้จาก Polynucleotide (PN)
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูฉ่ำวาว อิ่มน้ำ และโกลว์ใส
- ช่วยให้ผิวสว่าง กระจ่างใส และสีผิวสม่ำเสมอ
- ช่วยให้ผิวเรียบเนียน และละเอียดมากขึ้น
- ช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลง และหลุมสิวดูตื้นขึ้น
- ช่วยให้ริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้าดูตื้นขึ้น
- ช่วยให้ผิวแน่น เด้งกระชับ และมีความยืดหยุ่น
- ช่วยให้จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง และรอยสิวดูจางลง
- ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง สดใส และดูไม่โทรม
- ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีจากภายใน
- ช่วยให้ผิวมีความแข็งแรง และทนทานต่อปัจจัยภายนอก
- ช่วยให้เครื่องสำอางเกาะผิวได้ดีมากขึ้น และแต่งหน้าติดทนมากขึ้น
Polynucleotide (PN) อันตรายไหม?
โดยทั่วไป Polynucleotide (PN) เป็นสารบำรุงผิวที่ไม่ก่อให้เกิดอันตราย หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แท้ที่มีมาตรฐาน และได้รับการรับรองจาก อย. เช่น Rejuran หรือ Pluryal Densify เนื่องจาก PN เป็นสารที่มีความบริสุทธิ์สูง สกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน ซึ่งมีโครงสร้างใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับร่างกาย ทำให้ร่างกายยอมรับ และนำไปใช้แก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสเสี่ยงต่อการแพ้ หรือปฏิกิริยาต่อต้านจากภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังฉีด Polynucleotide (PN)
แม้ว่า Polynucleotide (PN) จะเป็นสารบำรุงที่เข้ากันได้ดีกับร่างกาย และไม่เสี่ยงอันตราย แต่หลังฉีดก็อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้เล็กน้อย ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว และสามารถหายได้เองภายใน 1 – 3 วัน โดยผลข้างเคียงที่พบบ่อยหลังฉีด PN มีดังนี้
- มีตุ่มนูนเล็ก ๆ เกิดขึ้นชั่วคราวในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วัน
- มีอาการบวมเล็กน้อย เกิดขึ้นชั่วคราวในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 – 3 วัน
- มีรอยแดงเล็กน้อย เกิดขึ้นชั่วคราวในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วัน
- มีอาการคันเล็กน้อย เกิดขึ้นชั่วคราวในบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายได้เองภายใน 1 – 2 วัน
Polynucleotide (PN) เป็นสารบำรุงที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และปรับปรุงคุณภาพผิว พร้อมทั้งเสริมเกราะป้องกันผิว และลดการอักเสบของผิวจากภายใน โดยส่วนใหญ่ PN มักถูกใช้เป็นส่วนประกอบหลักในหัตถการงานผิว เช่น Rejuran หรือ Pluryal Densify ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื้น ฉ่ำวาว กระจ่างใส และเรียบเนียนอย่างแลดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้นสำหรับใครที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ แห้งกร้าน ขาดน้ำ และรูขุมขนกว้าง ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวอย่างรวดเร็ว การทำหัตถการที่มีส่วนประกอบของ PN จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ และทำให้ผิวกลับมาดูสุขภาพดีอย่างมีประสิทธิภาพ
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด