Thermage FLX กับ CPT เครื่องไหนดีกว่า? ต่างกันยังไง
Thermage FLX กับ CPT เครื่องไหนดีกว่า? วิเคราะห์ความแตกต่างในแต่ละรุ่น
ในยุคที่การดูแลผิวพรรณก้าวล้ำไปไกล เทคโนโลยียกกระชับผิวแบบไม่ต้องผ่าตัดอย่าง Thermage ได้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการคืนความเรียบตึงให้ผิวหน้าและลำตัวโดยไม่ต้องพักฟื้น ไม่ต้องใช้เข็ม และไม่ต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงระยะยาว Thermage ได้รับความไว้วางใจจากคลินิกชั้นนำทั่วโลก และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้งาน
ท่ามกลางความนิยมที่เพิ่มขึ้น Thermage FLX ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุด และ Thermage CPT รุ่นก่อนหน้า กลายเป็นประเด็นถกเถียงกันบ่อยครั้งในกลุ่มผู้ใช้บริการว่า ควรเลือกเครื่องไหนดีกว่ากัน? ต่างกันอย่างไรในด้านเทคโนโลยี ผลลัพธ์ และความคุ้มค่า? คำถามเหล่านี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภค แต่ยังเกี่ยวข้องกับมาตรฐานการรักษาที่คลินิกควรเลือกให้เหมาะกับคนไข้แต่ละกลุ่มด้วย
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุมของ Thermage FLX ตั้งแต่โครงสร้างเทคโนโลยี กลุ่มเป้าหมาย ผลลัพธ์ที่ได้ ไปจนถึงประสบการณ์ของผู้ใช้จริง พร้อมบทวิเคราะห์แบบละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่า เทคโนโลยีใดเหมาะสมกับผิวของคุณในเวลานี้
Thermage FLX กับ CPT เครื่องไหนดีกว่า? เจาะลึกทุกจุดที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจ
Thermage FLX ถือเป็นรุ่นที่ดีกว่า Thermage CPT ในหลายด้าน เพราะเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วยให้ผลลัพธ์ยกกระชับชัดเจนขึ้น ใช้เวลารักษาน้อยลง และรู้สึกสบายกว่าเดิม เนื่องจากมีระบบ AccuREP™ ที่ปรับระดับพลังงานตามสภาพผิวของแต่ละคนแบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังมีระบบสั่นและความเย็นที่ช่วยลดความรู้สึกเจ็บขณะทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่น CPT อีกด้วย
ทำความรู้จักกับ Thermage FLX
ทำความรู้จักกับ Thermage FLX
เมื่อเทคโนโลยีด้านความงามก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เครื่องยกกระชับผิวด้วยคลื่นวิทยุอย่าง Thermage ก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ทั้งในด้านผลลัพธ์ ความสบายระหว่างทำ และประสิทธิภาพในระยะยาว โดย Thermage FLX ถือเป็นรุ่นล่าสุดที่ได้รับการอัปเกรดทั้งในแง่ของระบบภายใน หัวทิป และซอฟต์แวร์ควบคุมพลังงานอย่างชาญฉลาด เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้รับบริการให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ
เทคโนโลยี AccuREP™ จุดเปลี่ยนสำคัญของ Thermage FLX
หนึ่งในจุดเด่นของ FLX คือการนำเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า AccuREP™ (Automatic Calibration and Real-time Energy Profiling) มาใช้ ซึ่งช่วยให้เครื่องสามารถวิเคราะห์ค่าความต้านทานของผิว (Impedance) ในแต่ละจุดที่ยิงพลังงานแบบเรียลไทม์ แล้วปรับระดับความแรงของพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวแต่ละคน
หัวทิป Total Tip 4.0 ครอบคลุมมากขึ้น
Thermage FLX มาพร้อมหัวทิปรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า Total Tip 4.0 ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าหัวทิปในรุ่นก่อนหน้า และสามารถปล่อยพลังงานได้ในบริเวณกว้างขึ้นภายในการยิงหนึ่งครั้ง ส่งผลให้ระยะเวลาในการทำหัตถการโดยรวมลดลงเกือบครึ่ง โดยที่ยังคงประสิทธิภาพเท่าเดิมหรือมากกว่า
FLX สามารถส่งพลังงานลงลึกได้ถึง 4.3 มิลลิเมตร ซึ่งครอบคลุมทั้งชั้นผิวหนังแท้ (Dermis) และชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous tissue) ทำให้ผลของการยกกระชับชัดเจนยิ่งขึ้น และอยู่ได้นานกว่าเดิม
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Thermage FLX
หลังทำ Thermage FLX ผู้รับบริการส่วนใหญ่จะสัมผัสถึงความตึงของผิวเล็กน้อยในทันที รูขุมขนที่เล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น โดยผลลัพธ์ที่ชัดเจนจะค่อย ๆ พัฒนาในช่วง 2–3 เดือน และสามารถคงอยู่ได้ ยาวนานถึง 18–24 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลผิวของแต่ละคน รวมถึงอายุ โครงสร้างผิว และการใช้ชีวิต
ทำความรู้จักกับ Thermage CPT
ทำความรู้จักกับ Thermage CPT
ก่อนที่ชื่อของ Thermage FLX จะกลายเป็นดาวเด่นในวงการความงาม เทคโนโลยี Thermage CPT (Comfort Pulse Technology) ได้ถือกำเนิดขึ้นในฐานะเครื่องมือยกกระชับผิวที่พลิกวงการ โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นทศวรรษ 2010 และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการใช้คลื่นวิทยุ (Radiofrequency) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นลึกของผิวแบบไม่อันตรายและไม่ต้องผ่าตัด
หลักการทำงานของ Thermage CPT
Thermage CPT ใช้คลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) ที่สามารถลงลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) และ Subcutaneous tissue หรือชั้นไขมันใต้ผิวหนัง คลื่นเหล่านี้จะถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อนแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนเดิม และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว ผลลัพธ์ที่ได้คือผิวที่ยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมความเรียบเนียนที่ดีขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
จุดเด่นของรุ่น CPT คือ ระบบการสั่น (Vibration) และ Pulse Technology ซึ่งทำให้คนไข้รู้สึกสบายขึ้นระหว่างการทำ แม้จะใช้พลังงานสูง ความสั่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บเมื่อพลังงานเข้าสู่ชั้นลึกของผิว โดยระบบจะปล่อยพลังงานเป็นจังหวะๆ ซึ่งช่วยให้ควบคุมการปล่อยความร้อนได้ดีมากขึ้น
หัวทิปของ CPT ขนาดที่เล็กกว่า
หัวทิปของ Thermage CPT มีขนาดเล็กกว่ารุ่น FLX และมักใช้เวลารักษานานกว่า สามารถรักษาเฉพาะจุดได้ดี โดยเฉพาะบริเวณเล็ก ๆ เช่น รอบดวงตา หรือมุมปากที่ต้องการความละเอียดอ่อน การควบคุมพลังงานและการกระจายความร้อนทำได้อย่างสม่ำเสมอ แต่ยังคงใช้เวลามากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่กว่า
ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ Thermage CPT
หลังทำ CPT ผิวจะรู้สึกตึงขึ้นทันทีเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ผลลัพธ์ชัดเจนจะค่อย ๆ ปรากฏภายใน 2–6 เดือน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลลัพธ์จากการทำ CPT โดยทั่วไปจะอยู่ได้นาน 12–18 เดือน ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวและการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างผิวตามวัย
Thermage FLX กับ CPT ต่างกันตรงไหน? วิเคราะห์แบบเจาะลึกเพื่อการตัดสินใจอย่างมั่นใจ
Thermage FLX กับ CPT ต่างกันตรงไหน? วิเคราะห์แบบเจาะลึกเพื่อการตัดสินใจอย่างมั่นใจ
- พื้นที่ของหัวทิปและจำนวนการยิง
Thermage FLX มาพร้อมหัวทิปขนาดใหญ่กว่า โดยมีพื้นที่ 4 ตารางเซนติเมตร ซึ่งในการรักษาหนึ่งครั้งจะใช้ประมาณ 900 ช็อต ในขณะที่ Thermage CPT ใช้หัวทิปที่เล็กกว่าคือ 3 ตารางเซนติเมตร และต้องยิงประมาณ 1,200 ช็อต แม้จำนวนการยิงจะต่างกัน แต่หากคำนวณพื้นที่โดยรวมที่ครอบคลุมต่อหัวแล้ว ทั้งสองรุ่นสามารถดูแลผิวได้ในระดับใกล้เคียงกัน
- หน้าจอควบคุมและแสดงผลการทำงาน
ทั้งสองรุ่นต่างมีหน้าจอสำหรับแสดงผลการใช้งาน เช่น จำนวนช็อตที่ใช้ไป และสถานะการทำงานของเครื่อง แต่สิ่งที่แตกต่างคือ FLX ได้พัฒนาเป็นหน้าจอ Touch Screen ที่ตอบสนองไวและใช้งานง่ายกว่า CPT ที่ใช้หน้าจอแบบปุ่มควบคุมแบบเดิม ส่งผลให้ผู้ให้บริการสามารถตั้งค่าและควบคุมกระบวนการรักษาได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
- ขนาดหัวทิปและระยะเวลาการใช้งาน
ใน Thermage FLX หัวทิปถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จึงครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าในการยิงแต่ละช็อต นอกจากนี้ FLX ยังมีระบบภายในที่สามารถปรับพลังงานได้ดียิ่งขึ้นตามสภาพผิว ส่งผลให้ระยะเวลาในการรักษาลดลงได้ถึงประมาณ 25% เมื่อเทียบกับ CPT แม้ว่าหัวทิปของ CPT จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 4 ชั่วโมง ซึ่งดูนานกว่า FLX ที่อยู่ได้ราว 2 ชั่วโมง แต่ในแง่ของประสิทธิภาพต่อเวลาแล้ว FLX มีความรวดเร็วและคุ้มค่ากว่า
- ระบบประเมินสภาพผิวและควบคุมพลังงาน
Thermage FLX มาพร้อมกับ เทคโนโลยี AccuREP™ ซึ่งเป็นเซนเซอร์อัจฉริยะที่ช่วยวัดค่าความต้านทานของผิวในแต่ละจุดแบบเรียลไทม์ จากนั้นจึงปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมกับสภาพผิวของผู้รับบริการแบบอัตโนมัติทุกช็อต ช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสม่ำเสมอ ต่างจาก Thermage CPT ที่ต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์เป็นหลัก ซึ่งอาจมีความคลาดเคลื่อนตามประสบการณ์และเทคนิคเฉพาะบุคคล
- ระบบความเย็นและการสั่นสะเทือน
Thermage FLX ได้รับการพัฒนาให้มีระบบระบายความร้อนทั้งก่อนและหลังปล่อยพลังงาน (Pre & Post Cooling) ทำให้สามารถควบคุมอุณหภูมิบนผิวหนังชั้นบนได้ดีขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมความร้อนมากเกินไป ขณะที่ระบบสั่น (Vibration) ก็ได้รับการปรับปรุงให้มีความถี่ที่สม่ำเสมอ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นขณะทำ
ส่วนในรุ่น CPT จะมีเพียง Pre Cooling เท่านั้น และระบบสั่นที่ใช้ลดความรู้สึกเจ็บแม้จะมีอยู่เช่นกัน แต่ยังทำงานได้ไม่ทั่วถึงเท่ารุ่น FLX ทำให้ผลลัพธ์และความสบายขึ้นอยู่กับทักษะของแพทย์ที่ทำการรักษาเป็นหลัก
- ความรู้สึกเจ็บระหว่างทำ
Thermage ทั้งสองรุ่นยังคงให้ความรู้สึกอุ่นแต่ทนได้ อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของผู้ที่เคยทำทั้ง FLX และ CPT พบว่ารุ่น FLX มักให้ความรู้สึกเจ็บน้อยกว่า เนื่องจากเครื่องสามารถกระจายพลังงานได้ในแต่ละตำแหน่ง และใช้เวลาน้อยลง ส่งผลให้รู้สึกไม่อึดอัดหรือร้อนเกินไปในบริเวณเดิมนานเกินความจำเป็น
Thermage FLX กับ CPT มีจุดเหมือนกันอย่างไรบ้าง? เข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยียกกระชับ
- Thermage FLX ใช้พลังงานความร้อนจาก คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar Radiofrequency)สามารถลงลึกถึงชั้น หนังแท้ (Dermis) และ ชั้นไขมันใต้ผิว (Subcutaneous Tissue) เพื่อกระตุ้นให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัวและเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง
- Thermage FLX มีระบบสั่น (Vibration) ทำงานร่วมกับจังหวะการยิงของเครื่อง เพื่อให้ความรู้สึกเจ็บหรือร้อนลดน้อยลงขณะทำ
- Thermage FLX มีระบบทำความเย็น (Cooling System) ที่จะปล่อยความเย็นออกมาสัมผัสผิวชั้นบนก่อนที่พลังงานจะลงลึกไปสู่ชั้นหนังแท้ ระบบนี้มีหน้าที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการผิวไหม้หรือแสบร้อน
- Thermage FLX สามารถให้ผลลัพธ์ได้นานเฉลี่ย 1–2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและพฤติกรรมการดูแลตัวเองของแต่ละคน ถึงแม้ว่า FLX จะให้ผลชัดเจนกว่าจากจำนวนช็อตที่น้อยกว่า
- Thermage FLX ไม่จำเป็นต้องทำบ่อย โดยแพทย์แนะนำให้เว้นระยะอย่างน้อย 12 เดือนก่อนจะทำซ้ำอีกครั้ง เพื่อให้ร่างกายได้มีเวลาสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างเต็มที่
Thermage FLX กับ CPT เครื่องไหนรู้สึกเจ็บมากกว่ากัน?
- โดยรวมแล้ว Thermage FLX เจ็บน้อยกว่า CPT เพราะรุ่นใหม่นี้ถูกออกแบบให้ช่วยลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำได้ดีขึ้น ซึ่ง FLX มาพร้อมระบบปล่อยความเย็นในตัว ที่ช่วยปกป้องผิวด้านบนระหว่างส่งพลังงานความร้อนลงลึก ความเย็นนี้จะทำงานเป็นช่วง ๆ เพื่อลดโอกาสผิวร้อนหรือระคายเคือง และช่วยให้รู้สึกสบายมากกว่าเดิม นอกจากนี้ FLX ยังมีระบบสั่นแบบต่อเนื่อง ที่ช่วยเบี่ยงเบนความรู้สึกเจ็บได้ดี คนไข้ส่วนใหญ่จึงรู้สึกแค่อุ่น ๆ ระหว่างทำ ต่างจาก CPT ที่ยังใช้ระบบเดิม ซึ่งอาจรู้สึกชัดกว่าในบางจุด
Thermage FLX ควรใช้กี่ช็อตในแต่ละบริเวณ?
Thermage FLX ควรใช้กี่ช็อตในแต่ละบริเวณ?
- Thermage FLX ทำบริเวณใบหน้า 600–900 shots
- Thermage FLX ทำบริเวณแก้มและเหนียง 450 shots
- Thermage FLX ทำบริเวณรอบดวงตา 100–450 shots
- Thermage FLX ทำบริเวณกรอบหน้า 200–300 shots
- Thermage FLX ทำบริเวณใต้คาง 100–150 shots
รวมข้อดีของ Thermage FLX
- Thermage FLX กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Thermage FLX สามารถยกกระชับผิวโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดสารใด ๆ
- Thermage FLX ครอบคลุมทุกชั้นผิว ตั้งแต่ผิวชั้นนอกจนถึงผิวชั้นลึก
- Thermage FLX เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแห้ง มัน หรือผิวผสม
- Thermage FLX ใช้ได้กับทั้งใบหน้าและร่างกาย เช่น คอ ต้นแขน หน้าท้อง
- Thermage FLX ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานเฉลี่ย 12–24 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว
- Thermage FLX ไม่ต้องพักฟื้น สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังทำ
- Thermage FLX ให้ผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ดึงหน้า
- Thermage FLX ทำเพียงปีละครั้งก็เพียงพอ ไม่ต้องทำบ่อย
- Thermage FLX ไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิว ไม่มีการลอกหรือทำให้ผิวบาง
- Thermage FLX ไม่เสี่ยงต่อผลข้างเคียงระยะยาวเหมือนการผ่าตัด
Thermage FLX ช่วยอะไรบ้าง?
Thermage FLX ช่วยอะไรบ้าง?
- Thermage FLX ยกกระชับผิวบริเวณกรอบหน้าให้ชัดขึ้น
- Thermage FLX ยกเหนียง ลดความหย่อนของผิวใต้คาง
- Thermage FLX ยกหางตาให้ดูเปิดและคมขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด
- Thermage FLX ยกมุมปากที่ตกให้ดูสมดุลมากขึ้น
- Thermage FLX กระชับผิวแก้มที่หย่อนหรือเคลื่อนตัวลงต่ำ
- Thermage FLX ยกคิ้วขึ้นเล็กน้อยให้ดวงตาดูสดใส
- Thermage FLX ลดความหย่อนคล้อยบริเวณคอ
- Thermage FLX กระชับแนวกรามให้ได้รูป
- Thermage FLX กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิว
- Thermage FLX เสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างผิวชั้นลึก
- Thermage FLX ป้องกันผิวจากการหย่อนในอนาคต
- Thermage FLX ทำให้ผิวแน่น ฟู และเด้งมากขึ้น
- Thermage FLX ลดความแห้ง หยาบกร้านของผิวที่ขาดคอลลาเจน
- Thermage FLX ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตา
- Thermage FLX ลดเส้นริ้วรอยที่หน้าผาก
- Thermage FLX ช่วยให้ร่องแก้มดูตื้นขึ้น
- Thermage FLX ผิวเรียบเนียนขึ้นทั่วใบหน้า
- Thermage FLX ลดริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า
- Thermage FLX ผิวใต้ตาดูเรียบและแน่นขึ้น
- Thermage FLX กระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- Thermage FLX ลดความหมองคล้ำของผิวจากความหย่อน
- Thermage FLX ผิวหน้าเรียบเนียนต่อเนื่องในระยะยาว
- Thermage FLX ปรับพื้นผิวให้เรียบเสมอกันทั่วใบหน้า
- Thermage FLX ปรับสัดส่วนใบหน้าให้ดูสมดุลมากขึ้น
Thermage FLX กับ CPT เหมาะกับใคร?
Thermage FLX เหมาะกับใคร?
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยปานกลางถึงมาก
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป และเริ่มมีโครงหน้าเปลี่ยนไปตามวัย
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการยกหางตา หรือยกมุมปาก โดยไม่ต้องศัลยกรรม
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดู แน่น ผิวฟู เรียบเนียนในระยะยาว
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีแนวกรามไม่ชัด ต้องการผลลัพธ์ที่ช่วยดึงผิวให้เข้ารูปชัดเจน
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่องแก้มลึก มุมปากตก จากผิวขาดความตึงตัว
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบริเวณคอเริ่มย้อย หรือมีริ้วรอยแนวนอน
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางและหย่อนคล้อยพร้อมกัน
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวไม่เรียบ รูขุมขนกว้าง และพื้นผิวขรุขระ
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีใต้ตาหย่อน มีถุงใต้ตา
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาดน้ำและความหย่อนคล้อยร่วมกัน
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวมีริ้วรอยจากการลดน้ำหนักเร็ว
- Thermage FLX เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลทั้ง ใบหน้าและลำตัว เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา
หมายเหตุ
ก่อนเลือกทำ Thermage FLX ควรผ่านการประเมินโดยแพทย์ก่อนเสมอ เพราะสภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทั้งระดับความหย่อนคล้อย ความลึกของริ้วรอย รวมถึงความไวต่อพลังงาน หากเลือกเทคโนโลยีให้เหมาะกับโครงสร้างผิวและเป้าหมายความงามอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
Thermage FLX ไม่เหมาะกับใคร?
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์โลหะฝังในร่างกาย บริเวณใกล้จุดที่จะทำ เช่น ไทเทเนียม แผ่นเหล็ก
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) หรือเครื่องควบคุมการเต้นของหัวใจ
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคผิวหนังในบริเวณที่จะทำ เช่น ผิวติดเชื้อ มีผื่น หรือแผลเปิด
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลผ่าตัดใหม่ หรือผิวที่ยังไม่สมานดี ภายใน 3–6 เดือน
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติแพ้ความร้อนหรือไวต่อพลังงาน RF อย่างรุนแรง
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคเรื้อรังที่ควบคุมไม่ได้ เช่น เบาหวานขั้นรุนแรง โรคไต โรคหัวใจ
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้ยาบางชนิดที่อาจรบกวนการสมานแผล หรือมีผลต่อการซ่อมแซมผิว
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งรับการฉีดสารเติมเต็ม หรือโบ ในบริเวณเดียวกัน ภายใน 2–4 สัปดาห์
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ผ่านการผ่าตัดดึงหน้า หรือศัลยกรรมใบหน้า ในช่วง 3–6 เดือนที่ผ่านมา
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวไวต่อการอักเสบง่าย หรือมีแนวโน้มเกิดแผลเป็นคีลอยด์
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อายุน้อยที่โครงสร้างผิวยังแน่น
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมมากเกินในบริเวณใบหน้า
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมีภาวะผิวบางจากสเตียรอยด์
- Thermage FLX ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีไข้ เจ็บป่วย หรืออยู่ในช่วงฟื้นตัวจากโรค
หมายเหตุ
แม้ Thermage FLX จะเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน การประเมินโดยแพทย์ก่อนทำจริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะปัจจัยเฉพาะบุคคล เช่น โรคประจำตัว ประวัติการรักษา ความหนาของผิว หรือปัญหาที่ต้องการแก้ไข ล้วนมีผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา
สรุป เครื่องยกกระชับ Thermage FLX กับ CPT
Thermage ทั้งรุ่น FLX และ CPT ต่างเป็นเทคโนโลยียกกระชับผิว ที่ได้รับการยอมรับจากวงการแพทย์ผิวหนังทั่วโลก ด้วยจุดเด่นคือการฟื้นฟูคอลลาเจนจากชั้นผิวลึกโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น
Thermage CPT เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเล็กน้อย หรือผู้ที่ต้องการดูแลผิวแบบค่อยเป็นค่อยไป ในขณะที่ Thermage FLX ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้น พร้อมประสบการณ์การรักษาที่สะดวกสบายกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้เทคโนโลยีรุ่นใดควรขึ้นอยู่กับ สภาพผิวเฉพาะบุคคล, ความคาดหวัง, และ คำแนะนำจากแพทย์ การวางแผนอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่า พร้อมเผยผิวที่ดูอ่อนเยาว์ มั่นใจ และเป็นตัวเองได้ในทุกมุมมอง