ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร
โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?
ในปัจจุบันการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งมีหลากหลายยี่ห้อที่มีการวิจัย และพัฒนามาอย่างยาวนาน ทำให้มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นคอลลาเจน และคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวอย่างดูเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น Sculptra, Radiesse, Ultracol, Karisma Rh Collagen, HArmonyCa และ Profhilo โดยในแต่ละยี่ห้อนั้น ก็มีความแตกต่างกันในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านส่วนประกอบ หลักการทำงาน และผลลัพธ์ที่ได้ บทความนี้ จะพามาเปรียบเทียบความต่างของโปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจนทั้ง 6 ยี่ห้อว่า แตกต่างกันอย่างไร? เพื่อเป็นทางเลือกประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มคอลลาเจนให้กับผิวค่ะ
เปรียบเทียบ โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน แต่ละยี่ห้อต่างกันอย่างไร?
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจน คืออะไร?
การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน หรือ Biostimulator เป็นใช้สารกระตุ้นคอลลาเจนที่ได้รับการออกแบบมา เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย ผ่านการฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ซึ่ง Biostimulator จะทำหน้าที่ส่งเสริมการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสตินขึ้นใหม่ ทดแทนบริเวณที่สูญเสียคอลลาเจนไปตามวัย ส่งผลให้ผิวแน่นกระชับ ยืดหยุ่น เต่งตึง และแข็งแรงขึ้นจากภายใน โดยในปัจจุบันการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแพทย์ความงาม ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายประเภท โดยแต่ละประเภทก็มีส่วนประกอบ และคุณสมบัติที่แตกต่างกัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด

รวม 6 โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร?
รวม 6 โปรแกรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน แต่ละยี่ห้อแตกต่างกันอย่างไร?
-
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra
Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งคิดค้น และพัฒนาโดยบริษัท Galderma Laboratories, L.P. โดยใช้ส่วนประกอบหลักของ Poly-L-Lactic Acid (PLLA) ร่วมกับ Carboxymethylcellulose (CMC) และ Mannitol ซึ่งสาร PLLA นั้น เป็นสารที่มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์มาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1999 และมีงานวิจัยรองรับกว่า 50 ฉบับ จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
โดย Sculptra มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินในผิวชั้นลึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ผ่านกระบวนการอักเสบระดับเซลล์ ซึ่งจะเน้นฟื้นฟูโครงสร้างผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาตึงกระชับ พร้อมปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวแน่นฟู กระชับ แข็งแรง และมีความยืดหยุ่นอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดย Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra เหมาะสำหรับใคร?
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวเกิดความหย่อนคล้อย แก้มห้อยย้อย ไม่เฟิร์มกระชับ
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และรอยย่นต่าง ๆ ที่เห็นได้ชัด
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหลวม ขาดความยืดหยุ่นจากการสูญเสียคอลลาเจน
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความอิ่มฟู ดูไม่มีวอลลุ่ม
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างผิวไม่แข็งแรง ดูแก่กว่าวัย
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่ชุ่มชื้น ขาดน้ำ และแห้งกร้าน
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีความยั่งยืน
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra มีข้อดีอย่างไร?
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนตัวแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติจาก อย.
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน สามารถเพิ่มคอลลาเจน Type 1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และมีความยั่งยืนหลังฉีด เนื่องจากเป็นการสร้างคอลลาเจนแบบค่อยเป็นค่อยไป
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Sculptra กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้สารที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse
Radiesse เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็ม และกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งคิดค้น และพัฒนาโดยบริษัท Merz Aesthetics โดยใช้ส่วนประกอบหลักของ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ร่วมกับ Carboxymethylcellulose (CMC) ซึ่งสาร CaHA นั้น เป็นสารที่มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์ยาวนานกว่า 25 ปี และมียอดใช้งานมากกว่า 15 ล้านไซริงค์ทั่วโลก จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
โดย Radiesse มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินตามธรรมชาติ ซึ่งจะเน้นฟื้นฟูโครงสร้างผิวในชั้นลึก สร้างเส้นใยตาข่ายตรึงผิวใหม่ และเพิ่มสารอาหารให้กับผิว ส่งผลให้ผิวแข็งแรง เฟิร์มแน่น เต่งตึง และดูสุขภาพดีในระยะยาว โดย Radiesse สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse เหมาะสำหรับใคร?
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวเกิดความหย่อนคล้อย ไม่เฟิร์มกระชับ
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย ร่องลึก และรอยย่นต่าง ๆ ที่เห็นได้ชัด
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหลวม สูญเสียคอลลาเจน และขาดความยืดหยุ่น
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวขาดความอิ่มฟู ผิวยุบตัวลง ดูไม่มีวอลลุ่ม
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาโครงสร้างผิวไม่แข็งแรง ดูแก่กว่าวัย
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ดูขาดน้ำ ไม่ชุ่มชื้น
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหากรอบหน้าไม่คมชัด
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่มีความยั่งยืน
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse มีข้อดีอย่างไร?
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน สามารถเพิ่มคอลลาเจน Type 1, คอลลาเจน Type 3, อีลาสติน, Proteoglycan และ Angiogenesis ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน สามารถฉีดได้ 2 แบบ ได้แก่ Non-diluted แบบไม่ผสมน้ำเกลือ เพื่อเพิ่มปริมาตรให้ผิว ส่วน Diluted และ Hyperdiluted แบบผสมน้ำเกลือร่วมกับยาชา เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว และมีความยั่งยืนหลังฉีด
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้สารที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี ไม่เกิดการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน และได้รับการรับรองจาก อย.
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol
Ultracol (ไหมน้ำ) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งคิดค้น และพัฒนาโดยบริษัท Ultra V ร่วมกับ Seoul University Hospital และ Chung-Ang University Hospital โดยใช้ส่วนประกอบหลักของ Polydioxanone (PDO) และ Carboxymethylcellulose (CMC) ซึ่งสาร PDO นั้น เป็นสารที่มีการนำมาใช้ในวงการแพทย์ยาวนานกว่า 50 ปี จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี ย่อยสลายตามธรรมชาติ และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพหลังทำ
โดย Ultracol มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสติน ซึ่งการฉีด Ultracol 1 ขวด สามารถเทียบเท่ากับการร้อยไหม PDO แบบปกติ จำนวน 1,427 เส้น ส่งผลให้ผิวมีความหนาแน่น กระจ่างใส และชุ่มชื้นจากภายใน โดย Ultracol สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 6 – 8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol เหมาะสำหรับใคร?
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่เฟิร์มกระชับ
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีริ้วรอย ร่องลึก และรอยย่นต่าง ๆ บนใบหน้า
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่ชุ่มชื้น ขาดน้ำ และแห้งกร้าน
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหลวม ขาดความยืดหยุ่นจากการสูญเสียคอลลาเจน
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่กระจ่าง ใบหน้าหมองคล้ำ มีจุดด่างดำ
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหน้าไม่เรียบเนียน
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol มีข้อดีอย่างไร?
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน สามารถเพิ่มคอลลาเจน Type 1 และคอลลาเจน Type 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน เมื่อทำการฉีด 1 ขวด สามารถเทียบเท่ากับการร้อยไหม PDO แบบปกติ จำนวน 1,427 เส้น
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน สามารถนำมาฉีดบริเวณที่มีผิวบอบบางได้ เช่น ใต้ตา หน้าผาก
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ สามารถกระจายตัวได้ดี โดยไม่จับตัวเป็นก้อนหลังฉีด
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Ultracol กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้สารที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ และได้รับการรับรองจาก อย.
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen
Karisma Rh Collagen เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งคิดค้น และพัฒนาโดยบริษัท TAUMED โดยใช้ส่วนประกอบหลักของ Collagen Polypeptidic a1 Chain R (Rh Collagen), High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMW – HA) และ Carboxymethylcellulose (CMC) ซึ่งมีการวิจัยมาอย่างยาวนาน ทำให้ได้ Recombinant Human Collagen (Rh Collagen) แบบฉีดตัวแรกของโลก ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับคอลลาเจน Type 1 ในร่างกายมนุษย์ จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และลดความเสี่ยงต่อการแพ้
โดย Karisma Rh Collagen มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสติน พร้อมฟื้นฟูคุณภาพผิวโดยรวม ส่งผลให้ผิวอิ่มฟู กระชับ เรียบเนียน ชุ่มชื้น และมีความยืดหยุ่นจากภายใน ซึ่ง Karisma Rh Collagen สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen เหมาะสำหรับใคร?
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มมีริ้วรอย และรอยย่นเส้นเล็ก ๆ
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อย ไม่เต่งตึง
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น แห้งลอก และแต่งหน้าไม่ติด
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่แน่นกระชับ ผิวหลวมจากการสูญเสียคอลลาเจน
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว และมีจุดด่างดำบนใบหน้า
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าไม่เรียบเนียน มีหลุมสิว และรูขุมขนไม่กระชับ
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูคุณภาพผิวจากภายใน
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen มีข้อดีอย่างไร?
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน ใช้ Rh Collagen แบบฉีดที่สกัดจากหนอนไหมตัวแรกของโลก
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน มีการผสมผสานส่วนประกอบที่สำคัญอย่างลงตัวถึง 3 ชนิด ได้แก่ Collagen Polypeptidic a1 Chain R (Rh Collagen), High Molecular Weight Hyaluronic Acid (HMW – HA) และ Carboxymethylcellulose (CMC)
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน สามารถเพิ่มคอลลาเจน Type 1 ตามด้วยคอลลาเจน Type 2 และคอลลาเจน Type 3 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ โดยไม่ทำให้โครงสร้างใบหน้าผิดรูป
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Karisma Rh Collagen กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้สารที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ และได้รับการรับรองจาก อย.
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa
HArmonyCa เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อยกกระชับผิว และกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งคิดค้น และพัฒนาโดยบริษัท Allergan Aesthetics โดยใช้ส่วนประกอบหลักของ Hyaluronic Acid (HA) ร่วมกับ Calcium Hydroxyapatite (CaHA) ซึ่งสาร HA และ CaHA นั้น เป็นสารที่มีการวิจัยมาอย่างยาวนาน และถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์ทั่วโลก จึงสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
โดย HArmonyCa มีคุณสมบัติในการยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจน และอีลาสตินใต้ผิวหนัง ซึ่งใช้กลไกการทำงานแบบ Dual Effect ทำให้ได้ 2 ผลลัพธ์ใน 1 ขั้นตอน ส่งผลให้ผิวแน่นฟู กระชับ แข็งแรง และมีความยืดหยุ่นอย่างดูเป็นธรรมชาติ โดย HArmonyCa สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa เหมาะสำหรับใคร?
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ไม่เฟิร์มกระชับ
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอย และร่องลึกบนใบหน้า
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวสูญเสียคอลลาเจน ผิวหลวม ขาดความอิ่มฟู
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าขาดมิติ แฃะกรอบหน้าไม่คมชัด
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาใบหน้าตอบ กระดูกทรุดจากอายุที่มากขึ้น
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น ไม่สดใส
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งประวัติสุขภาพให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด ตั้งแต่ประวัติโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา หรือประวัติการรักษาก่อนเข้ารับบริการ
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa มีข้อดีอย่างไร?
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน มีการผสมผสานส่วนประกอบที่สำคัญอย่างลงตัวถึง 3 ชนิด ได้แก่ Hyaluronic Acid (HA) และ Calcium Hydroxyapatite (CaHA)
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน มีกลไกการทำงานแบบ Dual Effect คือ ยกกระชับผิว พร้อมทั้งกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน โดยสามารถอยู่ได้นานถึง 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- HArmonyCa กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้สารที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี และได้รับการรับรองจาก อย.
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo
Profhilo เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งคิดค้น และพัฒนาโดยบริษัท IBSA Group โดยใช้ส่วนประกอบหลักของ Non-Crosslinked Hyaluronic Acid (HA) ทั้งโมเลกุลขนาดเล็ก และขนาดใหญ่รวมกัน ผ่านผลิตด้วยเทคโนโลยี NAHYCO Hybrid Technology ทำให้ไม่มีการใช้ตัวเชื่อมพันธุอย่าง BDDE จึงลดความเสี่ยงต่อการแพ้ และอักเสบหลังฉีด
โดย Profhilo มีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูคุณภาพผิวระดับโครงสร้าง ตั้งแต่ผิวชั้นตื้น จนถึงชั้นลึก ส่งผลให้ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว แข็งแรง และมีความยืดหยุ่นอย่างดูเป็นธรรมชาติ ซึ่ง Profhilo สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo เหมาะสำหรับใคร?
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มมีริ้วรอย และรอยย่นเส้นเล็ก ๆ
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อย ขาดความกระชับ ไม่เต่งตึง
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น แห้งลอก และแต่งหน้าไม่ติด
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใส และสีผิวไม่สม่ำเสมอ
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่มีปัญหาผิวไม่เรียบเนียน มีหลุมสิว และรูขุมขนกว้าง
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟู และปรับสภาพผิวโดยรวม
ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo มีข้อดีอย่างไร?
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน สามารถเพิ่มคอลลาเจน Type 1, คอลลาเจน Type 3, คอลลาเจน Type 4 และคอลลาเจน Type 7 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซม และปรับปรุงโครงสร้างผิวในทุก ตั้งแต่ผิวชั้นตื้นจนถึงผิวชั้นลึก
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน ใช้ส่วนประกอบของ Non-Crosslinked Hyaluronic Acid (HA) ที่มีความบริสุทธิ์สูง โดยปราศจากตัวเชื่อมพันธะอย่าง BDDE
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับผิวอย่างเรียบเนียน โดยไม่แข็งทื่อ และไม่เป็นก้อนหลังฉีด
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน ให้ความรู้สึกเจ็บน้อย และฉีดง่าย เนื่องจากใช้เทคนิค BAP (Bio Aesthetic Points) ในการฉีด ทำให้สารกระจายตัวอย่างทั่วถึง โดยไม่ต้องฉีดหลายจุด
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน ไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน และไม่มีรอยแผลหลังทำ สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
- Profhilo กระตุ้นคอลลาเจน ไม่เสี่ยงอันตราย เนื่องจากใช้สารที่สามารถเข้ากับร่างกายได้ดี ลดโอกาสเสี่ยงต่อการอักเสบ และได้รับการรับรองจาก อย.
การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ฉีดกี่ครั้งเห็นผล?
การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนในแต่ละยี่ห้อ จะมีจำนวนครั้งในการฉีดที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด ประมาณ 2 – 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ รวมถึงปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในแต่ละครั้งควรเว้นระยะเวลาห่างกัน ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคงอยู่ยาวนาน
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด ประมาณ 1 – 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ รวมถึงปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในแต่ละครั้งควรเว้นระยะเวลาห่างกัน ประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคงอยู่ยาวนาน
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีดให้ครบทั้งหมด 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ รวมถึงปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในแต่ละครั้งควรเว้นระยะเวลาห่างกัน ประมาณ 4 – 6 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคงอยู่ยาวนาน
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด ประมาณ 3 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ รวมถึงปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในครั้งที่ 2 ควรเว้นระยะเวลาห่างจากครั้งแรก ประมาณ 1 เดือน และในครั้งที่ 3 ควรเว้นระยะเวลาห่างจากครั้งที่ 2 ประมาณ 4 – 8 เดือน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคงอยู่ยาวนาน
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด ประมาณ 1 ครั้ง ต่อปี ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ รวมถึงปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคงอยู่ยาวนาน
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ฉีด ประมาณ 2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ รวมถึงปัญหา และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งในแต่ละครั้งควรเว้นระยะเวลาห่างกัน ประมาณ 4 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ และคงอยู่ยาวนาน
การฉีดกระตุ้นคอลลาเจน อยู่ได้นานแค่ไหน?
การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนในแต่ละยี่ห้อ จะมีระยะเวลาในการคงอยู่ของผลลัพธ์ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสารที่ใช้ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ดังนี้
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra โดยส่วนใหญ่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse โดยส่วนใหญ่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol โดยส่วนใหญ่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 6 – 8 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen โดยส่วนใหญ่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 6 – 12 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa โดยส่วนใหญ่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 12 – 18 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
- การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo โดยส่วนใหญ่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 6 – 9 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิว และการดูแลตนเองของแต่ละบุคคล
จะเห็นได้ชัดเลยว่า การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Sculptra, การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Radiesse, การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Ultracol, การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Karisma Rh Collagen, การฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย HArmonyCa และการฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วย Profhilo ทั้ง 6 โปรแกรมนี้ แม้จะมีคุณสมบัติในการกระตุ้นคอลลาเจนที่เหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในหลาย ๆ ด้าน โดยสามารถเลือกฉีดได้ตามความเหมาะสม ซึ่งควรพิจารณาจากสภาพผิว ปัญหา และความต้องการของแต่ละบุคคลเป็นหลัก ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และให้คำแนะนำในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของเราอย่างแท้จริง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และมีความยั่งยืนหลังฉีด
*ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด