อายุเท่าไหร่ถึงควรเริ่มทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด?
เมื่ออายุเพิ่มขึ้นตามช่วงวัย ความเปลี่ยนแปลงของผิวย่อมเกิดขึ้นเป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยที่เริ่มปรากฏ ความหย่อนคล้อยที่ชัดเจนขึ้น หรือความสดใสของผิวที่ลดลง ล้วนเป็นสัญญาณสะท้อนถึงการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิว ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนให้ความสำคัญ และต้องการหาวิธีดูแลฟื้นฟูอย่างเหมาะสม
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้านความงามได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ช่วยฟื้นฟูความเรียบเนียนและความกระชับของผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้นหลังทำหัตถการ จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มของผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพผิวและภาพลักษณ์
อย่างไรก็ตาม หลายท่านอาจยังมีคงมีคำถามและสงสัยว่า ควรเริ่มต้นทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ในช่วงอายุเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม บทความนี้จะนำเสนอแนวทางการดูแลผิวในแต่ละช่วงวัย เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและเหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง
เริ่มทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด เมื่อไหร่ดีสุด?
การเริ่มต้นดูแลผิวด้วยการทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ควรพิจารณาจากสภาพผิวและปัญหาที่เกิดขึ้นจริง มากกว่าการยึดตามอายุเพียงอย่างเดียว อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ช่วงอายุที่เหมาะสมในการเริ่มต้น มักอยู่ระหว่าง อายุ 25–35 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเริ่มผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ปัญหาผิวยังไม่ชัดเจน แต่การดูแลผิวตั้งแต่เนิ่น ๆ ถือเป็นแนวทางในการชะลอวัยที่มีประสิทธิภาพ
การดูแลผิวตั้งแต่อายุน้อยจะช่วยรักษาความกระชับและความเรียบเนียนของผิวไว้ให้นานขึ้น เสริมการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวแข็งแรงและเสื่อมช้าลง ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง
ในกรณีที่อายุเกิน 35 ปีขึ้นไป และเริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องลึก หรือโครงหน้าดูเปลี่ยนแปลง การทำเครื่องยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด สามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน เพียงแต่แนวทางการดูแลอาจต้องปรับให้เหมาะสมกับระดับความเสื่อมของผิวมากขึ้น
กระบวนการเสื่อมของผิว (Aging Process)
กระบวนการเสื่อมของผิว (Aging Process)
การเปลี่ยนแปลงของผิวหนังที่เกิดขึ้นตามอายุ เป็นกระบวนการทางชีวภาพที่สะท้อนถึงการเสื่อมสภาพของโครงสร้างผิวในระดับลึก โดยมีผลกระทบทั้งต่อรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งผิวหนังจะค่อย ๆ สูญเสียคุณสมบัติเดิม เช่น ความกระชับ ความยืดหยุ่น และความสามาถในการกักเก็บน้ำของผิว ซึ่งกลไกและปัจจัยที่เกี่ยวของกับการเสื่อมของผิว มีดังนี้
กลไกหลักของกระบวนการชราภาพของผิว
- การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน
คอลลาเจนและอีลาสติน เป็นโปรตีนที่มีบทบาทสำคัญต่อความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิว เมื่อร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงตามอายุ เส้นใยคอลลาเจนจะเปราะบาง ขณะที่อีลาสตินสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย และสูญเสียโครงสร้างความแน่นกระชับโดยรวม
- ปริมาณกรดไฮยาลูรอนิกที่ลดลง
กรดไฮยาลูรอนิกทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำธรรมชาติของผิว ซึ่งสามารถอุ้มน้ำได้หลายเท่า ช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มฟู และยืดหยุ่น แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น การผลิตกรดไฮยารูลอนิกจะค่อย ๆ ลดลง ทำให้ผิวแห้ง แตก ลอก และขาดความยืดหยุ่นมากขึ้น
- การลดประสิทธิภาพของการผลัดเซลล์ผิว
กระบวนการสร้างเซลล์ใหม่ในชั้นหนังกำพร้าจะช้าลง ส่งผลให้เซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพสะสมอยู่บนผิว ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ และทำให้การดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวลดลงตามไปด้วย
- โครงสร้างใบหน้าที่เปลี่ยนไป
เมื่อเวลาผ่านไป โครงสร้างที่อยู่ใต้ผิว เช่น กระดูก กล้ามเนื้อ และไขมันใต้ผิว จะเริ่มสูญเสียปริมาตรกระดูกใบหน้ายุบตัวลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และไขมันบางส่วนฝ่อลง ส่งผลให้ใบหน้าเปลี่ยนรูป ดูตอบลง และเกิดร่องลึกตามจุดต่าง ๆ เช่น ร่องแก้ม มุมปาก และใต้ตา
- ความเสียหายจากอนุมูลอิสระ
อนุมูลอิสระ เป็นโมเลกุลที่ไม่มีเสถียรภาพซึ่งสามารถทำลายโปรตีน ไขมัน และ DNA ภายในเซลล์ผิว กระบวนการออกซิเดชันที่เกิดจากแสงแดด มลพิษ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต จะยิ่งเร่งให้ผิวเสื่อมเร็วขึ้นกว่าปกติ
ปัจจัยที่มีผลต่อกระบวนการเสื่อมของผิว
ปัจจัยภายใน
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในผู้หญิงเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงส่งผลให้ผิวบางลงและแห้งมากขึ้น
- พันธุกรรม เป็นตัวกำหนดพื้นฐานของอัตราการเสื่อมของเซลล์ในแต่ละบุคคล ซึ่งทำให้บางคนมีผิวดูอ่อนเยาว์นานกว่าคนอื่นแม้อยู่ในวัยเดียวกัน
- ปัจจัยภายนอก
- แสงแดด เป็นสาเหตุหลักของการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ และมะเร็งผิวหนัง เนื่องจากรังสี UVA และ UVB ทำลายเส้นใยคอลลาเจนโดยตรง
- มลภาวะและฝุ่นละออง สารพิษที่อยู่ในอากาศสามารถซึมเข้าสู่ผิว และก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การนอนดึก ความเครียดเรื้อรัง และการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูง ล้วนเป็นปัจจัยที่เร่งให้ผิวแก่ก่อนวัย
สัญญาณเริ่มต้นของผิวหย่อนคล้อย
- ริ้วรอยและร่องลึกเริ่มเด่นชัด
ร่องลึกตามแนวรอยยิ้ม หน้าผาก หรือรอบดวงตา เริ่มมองเห็นชัดแม้ในขณะพักหน้า โดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวเสื่อมประสิทธิภาพ
- แนวกรอบหน้าไม่ชัดเจนเหมือนเดิม
เมื่อเนื้อเยื่อผิวหนังสูญเสียความกระชับ บริเวณกราม คาง และใต้คอจะดูหย่อนลง ทำให้ใบหน้าดูมีเหนียง หรือโครงหน้าเบลอ
- ผิวแห้งกร้าน ขาดชีวิตชีวา
การผลิตน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติลดลง ส่งผลให้ผิวแห้ง ขาดน้ำ และขาดความยืดหยุ่น สัมผัสแล้วรู้สึกหยาบ ไม่เรียบเนียน
- รูขุมขนกว้างขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผิวที่เคยกระชับทำให้รูขุมขนดูเล็กลงจะเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อผิวเริ่มสูญเสียความตึง รูขุมขนโดยเฉพาะบริเวณแก้มและจมูกจะดูเปิดกว้างขึ้น
- ผิวไม่สดใส ใบหน้าดูเหนื่อยล้า
แม้จะนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่ใบหน้ากลับดูหมองคล้ำและอ่อนล้า เพราะระบบไหลเวียนเลือดใต้ผิวลดประสิทธิภาพลง ประกอบกับการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง
- โครงสร้างใบหน้ามีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อไขมันใต้ผิวหนังเริ่มลดลง และแรงโน้มถ่วงมีอิทธิพลมากขึ้น จะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของรูปหน้า เช่น แก้มตอบลง หรือแนวคางดูหย่อนยาน
- จุดด่างดำ ฝ้า และ กระ ปรากฏชัดขึ้น
การสะสมของเม็ดสีที่ไม่สม่ำเสมอ มักเกิดขึ้นจากแสงแดดและความเสื่อมของเซลล์ผิว ทำให้ใบหน้าเกิดจุดด่างดำ ฝ้า หรือกระชัดเจนขึ้นกว่าช่วงวัยก่อน
แนะนำโปรแกรมทำเครื่องยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดตามช่วงอายุ
แนะนำโปรแกรมทำเครื่องยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดตามช่วงอายุ
ช่วงอายุ 20 ปีขึ้นไป
ช่วงวัยนี้แม้ผิวจะยังดูตึงกระชับดี แต่คอลลาเจนใต้ผิวเริ่มลดลงอย่างช้า ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว การเริ่มดูแลผิวตั้งแต่วัยนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อชะลอสัญญาณแห่งวัยก่อนที่จะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนในอนาคต
เทคโนโลยีการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดที่แนะนำ มีดังนี้
- Oligio คลื่นวิทยุความถี่สูงที่เน้นการกระชับผิวชั้นหนังแท้และชั้นไขมัน ช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียนและสดใสขึ้น
- Ultrafomer MPT ส่งพลังงานโฟกัสลึกลงในผิวชั้นต่าง ๆ โดยเฉพาะ SMAS เพื่อยกกระชับและฟื้นฟูผิว พร้อมเทคโนโลยี Dual Handpiece ที่ยิงได้ทั้งแบบ Macro และ Micro
- ช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป
ในวัย 30 ปีขึ้นไป
ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงเรื่อย ๆ ผิวเริ่มแสดงสัญญาณของความหย่อนคล้อย ริ้วรอยเริ่มชัด ร่องแก้มลึกลง และกรอบหน้าไม่ชัดเท่าเดิม การเริ่มฟื้นฟูในช่วงวัยนี้จะช่วยให้ยังดูอ่อนเยาว์ได้อีกนาน
เทคโนโลยีการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดที่แนะนำ มีดังนี้
- Ultherapy Prime ยกกระชับรุ่นใหม่ที่พัฒนามาจาก Ulthera SPT ยิงพลังงานอัลตราซาวนด์แบบจุดโฟกัสลึกเข้าสู่ชั้น SMAS เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และยกกระชับอย่างแม่นยำ
- Thermage FLX ส่งพลังงาน Monopolar RF ลงไปสู่ชั้นผิวในระดับต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นคอลลาเจน กระชับเนื้อเยื่อ และฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้แข็งแรง
- Morpheus8 ใช้หัวเข็มขนาดเล็กปล่อยพลังงาน Microneedling + Fractional RF ลงลึกถึงชั้นไขมันใต้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมรีเซ็ตพื้นผิวใหม่
ช่วงอายุ 40 ปีขึ้นไป
เมื่อเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป สภาพผิวจะเปลี่ยนอย่างชัดเจน ทั้งริ้วรอย ความหย่อนคล้อย ร่องลึก และการสูญเสียไขมันใต้ผิว ส่งผลให้ใบหน้าดูอิดโรยและมีอายุ การดูแลในวัยนี้จึงต้องเลือกโปรแกรมที่ลึก และเข้มข้นมากขึ้น
เทคโนโลยีการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดที่แนะนำ มีดังนี้
- Ulthera Prime เจาะลึกถึง SMAS ช่วยยกกระชับแบบเห็นผลในผู้ที่มีปัญหาค่อนข้างรุนแรง
- Thermage FLX เหมาะกับการยกกระชับทั่วใบหน้า ผิวหย่อนทั่วบริเวณโดยไม่จำกัดเฉพาะจุด
- EMFACE เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้า (HIFES) พร้อมยกกระชับผิวด้วย RF ในเครื่องเดียว
- Morpheus8 เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบางหรือผิวที่ต้องการฟื้นฟูควบคู่กับการยกกระชับ เช่น ผู้ที่มีเนื้อใต้คางหย่อนลงมาก
คุณสมบัติของโปรแกรมการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด
Ultherapy Prime
- พลังงาน
คลื่นอัลตราซาวนด์แบบ Microfocused Ultrasound with Real-time Visualization (MFU-V)
- การทำงาน
ยิงพลังงานอัลตราซาวนด์แบบจุดโฟกัส ลงสู่ชั้นผิว SMAS (Superficial Musculo-Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นลึกของโครงสร้างผิว ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และยกกระชับใบหน้าในระดับลึก
- จุดเด่น
มีหน้าจอ Full HD ขนาดใหญ่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นชั้นผิวแบบเรียลไทม์ ความแม่นยำสูง ระบบยิงเร็วขึ้น 20% ทำให้ใช้เวลารักษาน้อยลง เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัด
- ผลลัพธ์
ผิวแน่นกระชับขึ้น ใบหน้าเรียวชัด กรอบหน้าคมขึ้น โดยผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน 12–18 เดือน
Thermage FLX
- พลังงาน
คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF
- การทำงาน
ปล่อยพลังงานลงลึกสู่ชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมัน ทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดตัว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว
- จุดเด่น
หัวทิปขนาด 4.0 มม. ช่วยให้การรักษาเร็วขึ้นถึง 25% และครอบคลุมพื้นที่ได้มากขึ้นถึง 33% เหมาะสำหรับทั้งใบหน้าและลำคอ เจ็บน้อยกว่ารุ่นก่อน และมีการควบคุมอุณหภูมิที่แม่นยำ
- ผลลัพธ์
ผิวแน่นขึ้น เส้นริ้วรอยลดลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้นภายใน 2–3 เดือน และคงผลได้ประมาณ 12–16 เดือน
Ultraformer MPT
- พลังงาน
พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์แบบ Micro & Macro Focused Ultrasound (MMFU)
- การทำงาน
ปล่อยพลังงานคลื่นเสียงความเข้มสูงแบบเจาะจง ผ่านหัวทิปหลายขนาดลงสู่ชั้นผิวในระดับต่าง ๆ รวมถึง SMAS
- จุดเด่น
หัวทิปที่ออกแบบเฉพาะช่วยให้ยิงพลังงานแม่นยำมากขึ้น สามารถเก็บรายละเอียดเฉพาะจุด เช่น มุมปาก คาง และใต้ตา
- ผลลัพธ์
ใบหน้ากระชับขึ้น ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป และดูเป็นธรรมชาติ
Oligio
- พลังงาน
คลื่นวิทยุความถี่สูงแบบ Monopolar RF
- การทำงาน
ใช้ความร้อนจากพลังงาน RF กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้และชั้นไขมันเหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นดูแลผิว และต้องการกระชับผิว
- จุดเด่น
มีระบบควบคุมอุณหภูมิและแรงสั่น (Cooling & Vibration Technology) ซึ่งช่วยลดความรู้สึกไม่สบายขณะทำหัตถการ นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจวัดอุณหภูมิ (Real-time Temperature Monitoring System) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบระดับความร้อนที่ส่งเข้าสู่ผิวในทุกขณะการรักษา
- ผลลัพธ์
ช่วยกระชับรูขุมขน ปรับผิวให้เรียบเนียน ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำ ภายใน 4–8 สัปดาห์
EMFACE
- พลังงาน
ผสานคลื่นพลังงาน Synchronous RF กับเทคโนโลยี HIFES (High-Intensity Facial Electromagnetic Stimulation)
- การทำงาน
ปล่อยพลังงานเพื่อยกกระชับชั้นผิว ควบคู่กับคลื่นไฟฟ้าความเข้มสูงเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าให้แข็งแรงและยกตัว
- จุดเด่น
ส่งพลังงานลึกลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อที่อยู่ลึกกว่าชั้น SMAS ช่วยให้ผิวหน้าดูแน่นกระชับขึ้นอย่างดูเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้ริ้วรอยลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 37% และสามารถเพิ่มความแน่นของกล้ามเนื้อใบหน้าได้มากถึง 30%
- ผลลัพธ์
ใบหน้าได้สัดส่วนดีขึ้น กล้ามเนื้อกระชับ ใบหน้าดูสดใสขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก
Morpheus8
- พลังงาน
คลื่นพลังงาน Fractional RF ผสานกับเทคโนโลยีไมโครนีดลิ่ง Microneedling
- การทำงาน
ปล่อยพลังงานผ่านเข็มขนาดเล็ก เจาะจงลงในชั้นผิวหนังแท้ไปจนถึงชั้นไขมัน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ และปรับโครงสร้างผิว
- จุดเด่น
สามารถใช้กับบริเวณลำคอ ใต้คาง หรือส่วนอื่นของร่างกายได้ เหมาะกับการฟื้นฟูผิวและยกกระชับพร้อมกัน เช่น ลดรูขุมขน รอยหลุมสิว และความหย่อนคล้อย
- ผลลัพธ์
ผิวกระชับ รูขุมขนเล็กลง ผิวดูแน่นและเรียบเนียนขึ้นภายใน 2–4 สัปดาห์
สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด สามารถทำบริเวณใดได้บ้าง?
- สามารถทำบริเวณหน้าผาก ลดริ้วรอยแนวนอน ปรับยกแนวคิ้ว
- สามารถทำบริเวณหางตาหรือใต้ตา ลดตีนกา รอยย่น และผิวบางใต้ตา
- สามารถทำบริเวณร่องแก้ม ยกแก้มให้เต็มขึ้น ลดความลึกของร่องแก้ม
- สามารถทำบริเวณกรอบหน้า ปรับรูปหน้าให้ชัด ลดความหย่อนบริเวณกรอบหน้า
- สามารถทำบริเวณใต้คาง ลดเหนียงและผิวหย่อนคล้อยบริเวณคาง
- สามารถทำบริเวณลำคอ ลดริ้วรอยตามแนวขวางของลำคอ
- สามารถทำบริเวณท้องแขน ลดความหย่อนคล้อยของผิวบริเวณต้นแขน
- สามารถทำบริเวณหน้าท้อง กระชับผิวที่หย่อนหลังคลอดหรือหลังลดน้ำหนัก
- สามารถทำบริเวณต้นขาและสะโพก ช่วยให้ผิวบริเวณต้นขาและก้นกระชับขึ้น
- สามารถทำบริเวณหัวเข่าหรือเหนือเข่า ลดผิวเหี่ยวย่นบริเวณเข่า
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ช่วยอะไรบ้าง?
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ช่วยอะไรบ้าง?
- ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้เต่งตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดหรือพักฟื้น
- ลดริ้วรอยและร่องลึก เช่น รอยตีนกา ร่องแก้ม หน้าผาก
- ยกกระชับปรับรูปหน้าให้คมชัด เช่น กรอบหน้า คาง และแนวกราม
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวอย่างต่อเนื่อง
- ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน และลดความหมองคล้ำ
- ลดขนาดรูขุมขน และปรับผิวให้เนียนละเอียด
- ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็มหรือศัลยกรรม
- ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง และไม่มีแผล
- ไม่ต้องพักฟื้นหลังทำ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที
- ช่วยชะลอวัย ลดการเสื่อมของโครงสร้างผิว
- ฟื้นฟูกล้ามเนื้อใบหน้า ให้แข็งแรงและแน่นกระชับ
- ลดไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น ใต้คาง แก้มล่าง หรือเหนียง โดยไม่ต้องดูดไขมัน
- ปรับสมดุลเนื้อเยื่อผิว ให้ดูสม่ำเสมอ ไม่หย่อนคล้อยเฉพาะบางจุด
- กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตใต้ผิว ทำให้ผิวดูสดใส เปล่งปลั่ง มีออร่า
- สามารถทำซ้ำได้อย่างปลอดภัย เพื่อเสริมผลลัพธ์ หรือใช้ดูแลผิวในระยะยาว
- เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวบาง ผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย
- เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวเสื่อมตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป
- สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เพื่อเสริมผลลัพธ์อย่างครอบคลุม
- คุ้มค่าในระยะยาว เพราะช่วยชะลอการเสื่อมของผิว
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด?
ใครบ้างที่เหมาะกับการทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด?
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 25–60 ปี ที่ยังมีความยืดหยุ่นผิวพอสมควร
- เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มมีสัญญาณผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มตก กรอบหน้าไม่ชัด
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ หรือรอยย่นบางจุด เช่น รอบดวงตา หน้าผาก มุมปาก
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณใต้คางหรือเหนียง
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใบหน้าดูเหนื่อยล้า ผิวหมองคล้ำ
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหน้าหย่อนคล้อยจากอายุ หรือพฤติกรรม
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน ต้องการฟื้นฟูผิวโดยไม่ใช้เข็ม
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือไม่สะดวกพักฟื้นนาน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลตัวเองแบบต่อเนื่องในระยะยาว
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเฉพาะจุด เช่น หางตาตก มุมปากตก คางสองชั้น
- เหมาะสำหรับคุณแม่หลังคลอดที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้า หรือผิวกายให้กลับมากระชับ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว จนผิวตามร่างกายดูหย่อนลง
- เหมาะสำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงที่ต้องการดูดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่เปลี่ยนโครงหน้า
- เหมาะสำหรับผู้ที่มีตารางชีวิตแน่น ไม่สะดวกเข้ารับการผ่าตัดหรือพักฟื้นหลายวัน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับลุคให้ดูอ่อนเยาว์ สดใส
ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด?
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ฝังในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker)
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะโรคผิวหนังเฉพาะจุดที่ต้องการรักษา เช่น โรคสะเก็ดเงิน, ผื่นอักเสบ, เริม หรือสิวอักเสบรุนแรง
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเปิดหรือบาดแผลสดในบริเวณที่ต้องการทำหัตถการ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติเป็นคีลอยด์ (Keloid) ง่าย
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของระบบเลือด เช่น เลือดแข็งตัวยาก หรือมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ในระยะยาว
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ผิวไวต่อความร้อนหรือมีประวัติผิวไหม้ง่าย
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะไขมันน้อยมากในใบหน้า
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงบริเวณใบหน้า
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีโรคทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งผ่านการทำหัตถการ เช่น เลเซอร์ผิว หรือผ่าตัดใบหน้า
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางมากหรือแพ้ง่าย
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีแผลเป็นนูนบริเวณใบหน้า หรือมีพังผืดใต้ผิวที่ส่งผลต่อการกระจายพลังงานไม่สม่ำเสมอ
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งฉีดโปรแกรมโบในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน เช่น โรค SLE
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีประวัติผิวไวต่อแสงหรือเคยมีอาการแพ้พลังงานจากเลเซอร์, RF, และ Ultrasound มาก่อน
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าไม่สมดุล เช่น หน้าครึ่งซีกอ่อนแรงหลังเส้นประสาทอักเสบ (Bell’s palsy)
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 65 ปีที่มีความหย่อนคล้อยมากและผิวบางมาก
การเตรียมตัวก่อนทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด
- ควรแจ้งแพทย์หากมีโรคประจำตัว
- ควรปรึกษาแพทย์ประจำคลินิกเพื่อประเมินสภาพผิว
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายและผิวฟื้นฟูเต็มที่
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวล่วงหน้า 2–3 วัน
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด หรือกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างน้อย 3 วัน
- งดการแวกซ์ โกน ถอนขน หรือทำเลเซอร์ในบริเวณที่จะทำหัตถการ ล่วงหน้า 5–7 วัน
- งดการแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ โดยเฉพาะรองพื้นหรือครีมกันแดด
- งดการทำทรีตเมนต์หรือนวดหน้ารุนแรง ประมาณ 3–5 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง
- งดการรับประทานวิตามินเสริมบางชนิด เช่น วิตามิน E, Fish Oil
- งดการแต่งหน้าในวันที่เข้ารับบริการ โดยเฉพาะรองพื้นหรือครีมกันแดด
การดูแลตัวเองหลังทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด
- หลังทำ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยน
- หลังทำ ควรทาครีมกันแดด SPF 50 PA+++ ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
- หลังทำ ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5–2 ลิตร
- หลังทำ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- หลังทำ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสูตรอ่อนโยน
- หลังทำ ควรงดการนวดหน้า ขัดผิว หรือทำทรีตเมนต์แรง ๆ ประมาณ 5–7 วัน
- หลังทำ ควรงดแต่งหน้าในวันแรกหลังทำ โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่ปกปิดหนา
- หลังทำ ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, Retinol, Vitamin A อย่างน้อย 5–7 วัน
- หลังทำ ควรงดใช้เครื่องอบไอน้ำ อบซาวน่า หรือแช่น้ำร้อนจัด ประมาณ 1 สัปดาห์
- หลังทำ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
- หลังทำ ควรลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือถูใบหน้าแรง ๆ ภายใน 24–48 ชั่วโมงแรก
- หลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก เช่น เวทเทรนนิ่ง หรือคาร์ดิโอหนัก ๆ ใน 24–48 ชั่วโมงแรก
- หลังทำ ควรหลีกเลี่ยงการทำหัตถการอื่นซ้ำทันที ควรเว้นระยะให้ผิวฟื้นตัวประมาณ 2–4 สัปดาห์
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ต่างจากการศัลยกรรมดึงหน้าอย่างไร?
- การทำการยกกระชับโดยไม่ผ่าตัด เป็นหัตถการที่ไม่จำเป็นต้องเปิดแผล หรือใช้มีดผ่าตัดเหมือนการดึงหน้าทางศัลยกรรม จุดเด่นคือไม่มีรอยแผล ไม่ต้องพักฟื้น และมีความเสี่ยงน้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์แบบค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดใหญ่
ทำเครื่องการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด อันตรายไหม?
- โดยทั่วไปแล้วถือว่าไม่อันตราย หากเลือกใช้เทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน เช่น อย. และทำโดยแพทย์ประจำคลินิกที่มีประสบการณ์ เพราะสามารถควบคุมพลังงานได้อย่างแม่นยำ และติดตามผลได้ใกล้ชิด
เริ่มทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด อายุเท่าไหร่ดี?
- ช่วงอายุที่แนะนำทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดคือประมาณ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่การผลิตคอลลาเจนในผิวเริ่มลดลง แม้จะยังไม่มีปัญหาชัดเจน แต่การเริ่มดูแลแต่เนิ่น ๆ จะช่วยชะลอสัญญาณความร่วงโรยได้ดีกว่า
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด รู้สึกเจ็บไหม?
- ความรู้สึกขณะทำจะขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่ใช้และความไวของแต่ละบุคคล บางคนอาจรู้สึกอุ่น ๆ หรือจี๊ดเล็กน้อยใต้ผิวหนัง แต่โดยรวมสามารถทนได้ และไม่จำเป็นต้องใช้ยาชาสำหรับเทคโนโลยีบางประเภท
ทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ถ้าไม่ทำต่อเนื่องจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหม?
- หากหยุดทำ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ลดลงตามการเสื่อมสภาพของผิวตามธรรมชาติ แต่ไม่ได้ทำให้ผิวแย่ลงกว่าก่อนทำ การทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้ผิวรักษาความกระชับไว้ได้นานขึ้น
สามารถทำเครื่องการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด ร่วมกับเทคโนโลยีอื่นได้ไหม?
- สามารถทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เช่น การฉีดโปรแกรมฟิลเลอร์ การฉีดโปรแกรมโบ หรือเลเซอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและแก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม โดยควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม
การยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด มีผลข้างเคียงไหม?
- ผลข้างเคียงหลังทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดที่อาจพบได้มักเป็นอาการชั่วคราว เช่น ผิวแดง บวมเล็กน้อย หรือรู้สึกตึงผิว ซึ่งจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน แต่หากเกิดอาการผิดปกติควรรีบพบแพทย์ทันที
คนอายุมากยังสามารถทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดได้ไหม?
- สามารถทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัดได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากผิวยังมีความยืดหยุ่นพอสมควร เพียงแต่ผลลัพธ์อาจไม่ชัดเจนเท่าคนวัยหนุ่มสาว และอาจต้องทำควบคู่กับหัตถการอื่นเพื่อให้เห็นผลมากขึ้น
การทำการยกกระชับแบบไม่ผ่าตัด นับเป็นทางเลือกที่ทันสมัยและปลอดภัย สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลผิวให้แลดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องเจ็บตัวหรือพักฟื้น ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลายและล้ำหน้าในปัจจุบัน ผู้รับบริการสามารถเลือกแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับสภาพผิว ปัญหาเฉพาะบุคคล และช่วงวัยของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น อายุ พฤติกรรมการดูแลตนเอง และการตอบสนองของร่างกายต่อพลังงานที่ใช้ ซึ่งบางรายอาจเห็นผลชัดเจนในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่บางรายอาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟู และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพิ่มเติม
เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรเข้ารับการประเมินและดูแลโดยแพทย์ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเหมาะสมทั้งก่อนและหลังทำหัตถการ การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณรักษาความกระชับ เรียบเนียน และความอ่อนเยาว์ของผิวได้ในระยะยาว