romrawin 70 scaled

ทาครีมรักษาฝ้า เป็นการรักษาที่ปลายเหตุหรือเปล่า?

ทาครีมอย่างเดียวหายจริงไหม? ใช้ระยะเวลานานแค่ไหน?

ปัญหาฝ้า (Melasma) ปัญหาผิวยอดฮิตติดอันดับต้นๆของผู้หญิงบ้านเราที่ต้องเผชิญกับแสงแดดแรงมากถึงมากที่สุดตลอดปี เมื่อต้องเจอตัวการกระตุ้นการเกิดฝ้าอันดับหนึ่งกันอยู่ทุกๆวันขนาดนี้ ถ้าไม่ดูแลผิวให้ดีเป็นพิเศษเห็นทีจะหลีกเลี่ยงปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้ยากค่ะ

เมื่อเกิดฝ้าขึ้นแล้วก็ต้องพยายามหาวิธีรักษา ซึ่งวิธีแรกที่หลายๆคนนึกถึงก็คือการใช้ครีมทาฝ้า ที่ปัจจุบันเราสามารถเห็นครีมทาฝ้าวางขายทั่วไปตามท้องตลาด และช่องทางออนไลน์ต่างๆเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มีการอ้างสรรพคุณเกินจริง โฆษณาชวนเชื่อในทำนอง ฝ้าหายเร็ว หายไวใน 3 วัน 7 วัน ทำให้บางทีอาจจะตัดสินใจซื้อครีมที่เห็นตามโฆษณานั้นๆมาทา ซึ่งถ้าหากตรวจสอบไม่ดีพอก็ค่อนข้างมีความเสี่ยงที่จะเจอสารอันตรายในผลิตภัณฑ์นั้นๆได้ และอาจทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่มีแนวโน้มแย่ลงจนรักษาได้ยากมากขึ้นอีกด้วย

หัวข้อ … ครีมทาฝ้า

ครีมทาฝ้า ไม่ใช่ยารักษาฝ้า

romrawin 39

แม้ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีครีมทาฝ้าลดเลือนจุดด่างดำวางขายทั่วไปตามท้องตลาด ในกรณีที่ผลิตภัณฑ์นั้นๆได้รับการรับรองจาก อย. ก็ต้องแยกให้ออกก่อนว่า ‘ครีมทาฝ้า’ ที่ขายทั่วไปแบบที่สามารถหาซื้อเองตามห้างร้านได้นั้น ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง หรือเวชสำอาง ซึ่งไม่สามารถใช้ส่วนผสมที่มีความเข้มข้นมากเกินกว่าที่องค์การอาหารและยากำหนดได้

ผลลัพธ์ที่ได้จากครีมทาฝ้า อาจจะสามารถทำให้เม็ดสีลดลง หรือปื้นฝ้าจางลงได้บ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด เพราะความเข้มข้นของส่วนผสมถูกจำกัดไว้เพื่อป้องกกันผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับผู้ใช้ จะแตกต่างกับ ‘ยารักษาฝ้า’ ที่มีส่วนผสมของตัวยาที่มีความเข้มข้นสูงกว่า ให้ผลโดยตรงต่อการรักษา แต่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น

ยารักษาฝ้า ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ผู้ทำการรักษา ซึ่งการรักษาฝ้าด้วยวิธีการทายา ควรได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเท่านั้น เพราะยารักษาฝ้าเป็นยาควบคุมที่ต้องมีข้อบ่งใช้ชัดเจน ต้องมีการใช้อย่างถูกต้อง และคนไข้ต้องปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วย

ครีมทาฝ้าที่ไม่มี อย.

กรณีครีมทาฝ้าที่ไม่มีอย. หากซื้อมาแบบตรวจสอบดูไม่ดีพออาจมีอันตรายต่อผิวหนัง และส่งผลกระทบหลายอย่างต่อร่างกายได้ ควรตรวจสอบให้มั่นใจจากเวปไซต์ขององค์การอาหารและยาก่อนว่าได้ขึ้นทะเบียนและผ่านการรับรองแล้วหรือไม่ เพราะยิ่งโฆษณาว่าได้ผลเร็วมากเท่าไหร่ ก็ย่อมจะมีผลข้างเคียง และอันตรายมากขึ้นตามไปด้วย อาจมีการใส่สารต้องห้ามต่างๆที่องค์การอาหารและยาไทยไม่อนุญาตให้ผสมในเครื่องสำอาง เช่นสารไฮโดรควิโนน กรดเรติโนอิก สเตียรอยด์ หรือสารปรอท เป็นต้น ซึ่งอันตรายและผลข้างเคียงจากส่วนผสมต้องห้ามมีดังนี้ค่ะ

  • มีส่วนผสมของ ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) : สารไฮโดรควิโนนจะออกฤทธิ์ลดการสร้างเม็ดสี (Depigmenting Agents) มีผลให้ฝ้า กระ เม็ดสีหมองคล้ำจางลงได้ชั่วคราว โดยการยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ส่งผลให้การผลิตเม็ดสีเมลานินลดลง ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้คือ ทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้สูงมาก มีอาการแสบร้อน และเมื่อใช้นานๆยังเสี่ยงต่อการทำให้เกิดเป็นฝ้าถาวร ผิวกลายเป็นคล้ำขึ้น และอาจลุกลามไปจนเป็นมะเร็งผิวหนังได้
  • มีส่วนผสมของกรดเรติโนอิก (Retinoic acid) : กรดเรติโนอิกจัดอยู่ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) หรืออนุพันธ์หนึ่งของวิตามินเอที่ออกฤทธิ์ในกระบวนการสร้างเม็ดสี ยั้บยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสที่ใช้ในการสร้างเม็ดสี ลดการเคลื่อนย้ายเม็ดสีมาที่เซลล์ผิวหนัง และยังสามารถเร่งการผลัดเซลล์ของผิวหนังอีกด้วย แต่จะออกฤทธิ์ค่อนข้างรุนแรง ถูกจัดเป็นส่วนผสมห้ามใช้ทั้งในเครื่องสำอาง และเวชสำอาง ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น ผลข้างเคียงจากการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของกรดเรติโนอิกนี้ จะทำให้ผิวแห้ง ลอก ส่งผลให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง ทำให้ผิวไวต่อแดด เซนซิทีฟ จนทำให้ผิวกลับมาหมองคล้ำยิ่งกว่าเดิม
  • มีส่วนผสมของสารปรอท (Mercury) : ครีมทาฝ้าที่ไม่ผ่าน อย. มักโฆษณาว่าเห็นผลเร็วเกินจริง สารปรอทมีราคาถูกและมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอ็นไซม์ไทโรซิเนส ทำให้การสร้างเม็ดสีเมลานินลดลง สีผิวจางลงได้ แต่อันตรายมาก นอกจากผลข้างเคียงหลังการใช้ไประยะหนึ่งจะทำให้เกิดอาการแพ้ ผื่นแดง หน้าดำไม้แล้ว ถ้าใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานก็จะเกิดการสะสมสารปรอทเข้าสู่กระแสเลือด ส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆภายในร่างกายอย่างร้ายแรง
  • มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (Steroid) : สเตียรอยด์ มีคุณสมบัติยับยั้งการสร้างสารเคมีสื่อกลาง (Mediators) ที่ใช้ในการการสร้างเม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้ปริมาณเม็ดสีลดลง และทำให้ผิวขาวขึ้น สเตียรอยด์ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสารควบคุมห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น เพราะถ้าใช้ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เข้มข้นสูง อย่างผิดวิธี และใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ติดสเตียรอยด์ ผิวกลายเป็นแพ้ง่าย ผดผื่นขึ้นง่าย ผิวหน้าบาง อ่อนแอ จนทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆตามมา

ใช้ครีมทาฝ้าอย่างเดียว รักษาฝ้าหายไหม?

จากการศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี การรักษาฝ้าในวงการแพทย์ผิวหนังมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปัจจุบันมีนวัตกรรมที่ใช้พลังงานเลเซอร์ในการรักษาฝ้าที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี และรวดเร็วกว่าการทาครีมมาก อีกทั้งยังสามารถป้องกันการเกิดฝ้าในอนาคตได้ดีอีกด้วย

การใช้ครีมทาฝ้ามักไม่ได้หวังผลในเรื่องของการรักษามากนัก แต่สามารถใช้เป็นตัวเสริมร่วมกับ การรักษาด้วยวิธีอื่นจากแพทย์ เพื่อช่วยฟื้นบำรุงผิว ยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินที่กำลังจะเกิดใหม่ และลดโอกาสการกลับมาของฝ้าในอนาคตได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถหวังผลในเรื่องของการรักษาฝ้าให้หายขาด โดยการทาครีมเพียงอย่างเดียวได้ค่ะ

โปรแกรมเลเซอร์ป้องกันและรักษาฝ้า
จาก Romrawin Clinic

การป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าใหม่สำคัญที่สุด ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดให้ได้มากที่สุด รวมถึงการทาครีมกันแดดอย่างถูกต้องเป็นประจำทุกวัน แต่ถ้าเกิดปัญหาฝ้าขึ้นมาแล้ว ก็สามารถไปปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการรักษาฝ้าได้เลย ไปตั้งแต่เพิ่งเริ่มเป็นคือดีที่สุด เพราะมีโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ง่ายกว่า

ที่ Romrawin Clinic มีโปรแกรมเลเซอร์รักษาฝ้าที่เลือกเทคโนโลยีที่มีการยอมรับมาแล้วจากทั่วโลกว่าเห็นผลจริง รวมถึงได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัยทั้ง US FDA และ อย.ไทย โดยได้มีการออกแบบเทคนิคขึ้นมากเป็นพิเศษโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเรื่องการรักษาฝ้า ทำให้เห็นผลลัพธ์ได้เร็วยิ่งขึ้น รวมถึงสามารถป้องกันการเกิดฝ้าใหม่ และการกลับมาเป็นซ้ำได้ดีอีกด้วย

NU PICO จัดการฝ้า พร้อมปรับผิวเนียนเรียบ
ด้วยนวัตกรรม Picosecond Laser

NU PICO คือนวัตกรรม Picosecond Laser ที่จะช่วยแก้ปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีผิว ทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมไปถึงรอยสัก ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น พร้อมไปกับการช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน รูขุมขนเล็กละเอียดขึ้น ทั้งยังช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นหลุมสิวได้ด้วย Picosecond Laser ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่สามารถรักษาฝ้า กระ รอยดำอย่างได้ผล ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูง แล้วยังไม่ทำให้ผิวระคายเคือง ไม่เสี่ยงต่อผิวไหม้อีกด้วย

หลักการทำงานของ Picosecond Laser คือสามารถปล่อยพลังงานแสงออกมาตกกระทบผิวในระยะเวลาที่สั้นและเร็วมาก ในระดับ Picosecond (1 ในล้านล้านวินาที) ทำให้สามารถบีบพลังงานให้สูงขึ้น จนเกิดเป็นคลื่นไปกระแทกเม็ดสีเมลานินให้แตกละเอียดเป็นอนุภาคเล็กๆทันที พลังงานจะโฟกัสไปสลายเม็ดสีของฝ้า กระ จุดดำได้ทุกประเภท เมื่อเม็ดสีแตกออกเป็นอนุภาคเล็กๆแล้วร่างกายก็จะกำจัดออกไป ข้อดีคือเป็นการกำจัดเม็ดสีผิว แบบที่ไม่ทำให้เกิดความร้อนสะสม ไม่เบิร์น ไม่ระคายเคืองผิว ซึ่งเครื่องมือเลเซอร์แบบเดิมไม่สามารถทำได้

Super Smart FEM ตัดวงจรฝ้า
ป้องกันฝ้าเกิดใหม่

romrawin 21 2

โปรแกรมเลเซอร์ Super Smart FEM ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มีปัญหาฝ้า กระ รอยด่างดำ โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่ระบุว่าสาร Vascular Endothelial Growth Factor หรือ VEGF ที่เป็น Growth Factor ชนิดหนึ่งเป็นอีกสาเหตุของการเกิดฝ้า ซึ่งสาร VEGF นี้จะไปกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเม็ดสีออกมาเพิ่มขึ้น จึงเป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้าได้

โดยโปรแกรมเลเซอร์ Super Smart FEM นี้ จะมีประสิทธิภาพในการไปช่วยลดปริมาณสาร VEGF ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเม็ดสีผิวส่วนเกิน จึงเป็นการตัดวงจรการสร้างเม็ดสี ทำให้ฝ้าเก่าลดเลือนไป และยังช่วยรับมือกับปัญหาฝ้าที่อาจจะเกิดใหม่ซ้ำซ้อนได้

นอกจากนั้นแล้วโปรแกรม ‘Super Smart FEM’ ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ จึงทำให้ผิวจะดูกระชับ เรียบเนียน ริ้วรอยลดลงไปได้ด้วย เมื่อคอลลาเจนฟูเปล่งปลั่งผิวจึงกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

โปรแกรม Super Smart FEM เป็นเลเซอร์มีความนุ่มนวล และปลอดภัยมาก ระหว่างทำจะไม่รู้สึกร้อน หรือเจ็บใดๆ แค่รู้สึกอุ่นๆเท่านั้น หลังทำยังสามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติ ไม่ต้องหลบแดด การรักษาแนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์

การใช้ครีมทาฝ้าแม้จะไม่สามารถทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่หายไปได้อย่างถาวร อีกทั้งยังถือว่าเห็นผลได้ช้ากว่าการรักษาฝ้าวิธีอื่นๆ แต่สามารถนำมาใช้เสริมผลลัพธ์ในการรักษาร่วมกับกับการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ได้ เพราะนอกจากครีมทาฝ้าจะช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน และช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ในระดับนึงแล้ว ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ที่จะช่วยเสริมสร้างโครงสร้างผิวให้แข็งแรงขึ้นด้วย

สิ่งสำคัญคือการเลือกครีมทาฝ้ามาใช้ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจทุกครั้งว่าได้รับการรับรองจาก อย. และซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น จะได้ไม่เสี่ยงกับการเจอครีมที่แอบใส่ส่วนผสมอันตรายเพื่อเร่งผลลัพธ์ ซึ่งจะทำให้ปัญหาฝ้าที่มีหนักกว่าเดิม แถมยังเกิดอันตรายต่อร่างกายในระยะยาวด้วยค่ะ

หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
สามารถปรึกษาเราได้ที่ รมย์รวินท์ คลินิก

???? โทร.080-1539000 และ  080-1549000
???? Line@ : @Romrawinclinic

line