หน้าพัง สิวเขอะ ขั้นตอนรักษาสิว ต้องเริ่มยังไงนะ?
วิธีรักษาสิว ไม่ว่าจะสิวอักเสบ สิวอุดตัน หรือสิวเรื้องรัง แน่นอนว่าการรักษาแต่ละชนิดนั้น แตกต่างกันออกไป แล้วแต่ละวิธีการรักษาก็อาจจะใช้ได้ผลกับบางคนเท่านั้น ใช่ว่าใช้วิธีเดียวกันแล้วจะใช้ได้ผลกับทุกคนนะคะ อีกทั้งบางคนก็ไม่รู้ด้วยว่าควรเริ่มต้นรักษาสิวยังไง แล้วปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นเลย สุดท้ายกลายเป็นว่าไม่หาย แถมยังได้เพื่อนเป็นสิวเพิ่มเข้ามาอีกหลายสิบจุด หน้าพังไปกันใหญ่เลยค่ะ
ดังนั้น ขั้นแรกเราจะทำการเริ่มต้นสำรวจความรุนแรงของใบหน้ากันก่อน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ช่วยในการรักษาสิวเลยค่ะ โดยการรักษาจะถูกแบ่งตามระดับความรุนแรงของสิว และประเภทของสิว ที่ทำแบบนี้นั่นเพราะการเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว จะส่งผลให้หาวิธีการดูแลรักษาสิวที่เหมาะกับสภาพผิวและความรุนแรงได้
หัวข้อ … ขั้นตอนรักษาสิว
การประเมินผิว ดูระดับความรุนแรงเบื้องต้น

ขั้นตอนแรกก่อนการเริ่มรักษาสิว คือ เราจะทำการประเมินระดับความรุนแรงของสิว และสภาพผิวหน้าเบื้องต้นก่อน เพื่อให้ทราบว่าปัญหาผิวที่กำลังเจออยู่นั้น ควรดูแลอย่างไรถึงจะรวดเร็ว และเหมาะสม โดยระดับความรุนแรงของสิวสามารถแบ่งระดับได้ใหญ่ๆ เป็น 3 ระดับดังนี้
- สิวอยู่ในระดับรุนแรงน้อย
สิวที่ไม่มีหัวอักเสบ หรือเป็นสิวที่เกิดสิวอักเสบบนใบหน้าขึ้นไม่เกิน 10 จุด โดยความรุนแรงระดับนี้เราสามารถรักษาสิวได้ด้วยตัวเอง ด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ช่วยในการรักษาสิว
รวมถึงการใช้สกินแคร์ที่เหมาะสำหรับผิวที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะ มีส่วนผสมของสารสำคัญที่ช่วยลดการเกิดสิวอย่าง ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สูตร Silicone Free ,Fragrance Free, Alocohol Free หรือ Paraben Free ทั้งนี้ยังรวมครีมบำรุงหน้า ให้เลือกเนื้อครีมที่บางเบา ไม่ทิ้งความมันตกค้างจะดีกว่าค่ะ
- สิวระดับปานกลาง
สิวที่เริ่มมีอาการอักเสบ มีตุ่มแดงนูนขึ้นมาให้เห็น เวลาใช้มือสัมผัสจะสัมผัสได้ถึงหัวสิวแข็งๆ หรือหัวสิวขาวเล็กๆ ซึ่งเกิดขึ้นตำแหน่งเดิมซ้ำๆ การรักษาก็จะพัฒนาเพิ่มเติมจากระดับรุนแรงน้อย เช่นเดียวกันในระดับนี้ควรเลือกใช้ครีมรักษาสิวที่มีสารสำคัญในการช่วยลดอาการอักเสบ ลดการอุดตันของหัวสิว มีเนื้อครีมที่บางเบา คุมมันได้ ควรเป็นผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว โดยเน้นสูตร Silicone Free, Fragrance Free, Alocohol Free หรือ Paraben Free เป็นหลัก
อีกทั้งใช้ยาแต้มสิวแบบทาอย่าง Benzoyl Peroxide เพื่อรักษาสิวอุดตันและละลายหัวสิว กับ Retinoid รักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบ เร่งการผลัดเซลล์และช่วยดูแลผิวให้สิวหายได้เร็วขึ้น
- สิวที่มีระดับความรุนแรงมาก
สิวที่มีลักษณะบวมแดง เป็นหนอง หรือกระจายบริเวณกว้างจำนวนมาก แน่นอนว่าการรักษาสิวในระดับนี้ อาจต้องเข้ารับการรักษาโดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้ได้รับคำแนะนำเรื่องการรักษาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ โดยในส่วนนี้การรักษาสิวอาจมีทั้งการใช้ยาทา ยากิน การกดสิว และเลเซอร์เข้าร่วม
ขั้นตอนการรักษา มีอะไรบ้าง?
- ทำความสะอาดใบหน้า
เมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาหลักจากได้รับการประเมินเรียบร้อยแล้ว จะทำการทำความสะอาดผิวหน้าให้เรียบร้อย ด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ลดการระคายเคือง
- การกดสิว
ทำความสะอาดเรียบร้อยแพทย์จะทำการกดสิว เจาะเอาหัวสิว หรือหนองที่อยู่ตามใบหน้าออกให้หมด เป็นการเคลียร์ใบหน้าก่อนทำการรักษาขั้นต่อไป
- เลเซอร์ลดรอย
จะช่วยลดปริมาณของเชื้อแบคทีเรีย ลดการทำงานของต่อมไขมัน ลดรอยแดง ลดรอยดำ ลดการอักเสบ วิธีนี้จะช่วยลดระยะการรักษารอยให้หายเร็วขึ้นด้วย
- การทำทรีทเม้นท์
จะช่วยทำให้หัวสิวอุดตันและอักเสบแห้ง หลุดออกง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยปลอบประโลมผิวเพราะเวลาที่ทรีทเม้นท์จะรู้สึกเย็นสบายผิวมาก ตัวยาหรือสารสกัดที่ใช้ของแต่ละคลินิกก็แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์เหมือนยารักษาสิวที่มีความเข้มข้นขึ้น
- ยาทารักษาสิว
ส่วนใหญ่แพทย์จะแนะนำยารักษาสิวและยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมอย่าง Benzoyl Peroxide เป็นการรักษาสิวอุดตัน และช่วยละลายหัวสิว กับ Retinoid รักษาสิวอุดตันและสิวอักเสบ เร่งการผลัดเซลล์และต้านการอักเสบ ตัวยามีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.025%-0.05% ซึ่งมีผลข้างเคียง คือ ระคายเคืองที่ผิวหนัง จึงแนะนำให้ทายาตัวนี้ก่อนนอน และควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- ยากินปรับฮอร์โมน
ยาส่วนใหญ่ที่แพทย์แนะนำ คือ ยาปฏิชีวนะหรือยาฆ่าเชื้อ กลุ่มเตตร้าไซคลิน ได้แก่ tertacycline , doxycycline เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อสิว และยากลุ่มอนุพันธ์ของกรดวิตามินเอ ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมัน เมื่อให้ยาติดต่อกันนานเกิน 3-6 เดือน จะทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวลง แน่นอนว่าการรักษาสิวด้วยยากิน หรือยาทาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงให้เกิดผิวแห้ง จึงควรใช้ร่วมกับสกินแคร์บำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้น
ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
เพิ่มประสิทธิภาพการรักษาสิว

รู้วิธีการรักษาแล้ว ก็ควรต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วย จะได้ไม่ไปกระตุ้นให้มีการเกิดสิวขึ้นอีก หรือเกิดขึ้นน้อยที่สุด อีกทั้งยังช่วยให้ได้ผลในระยะยาวอีกด้วย วิธีนี้เป็นการปรับฮอร์โมนภายในโดยไม่ต้องใช้ยาเลยด้วยค่ะ เรียกว่าดูแลองค์รวมทั้งทางกาย จิตใจ และความคิด ให้แข็งแรงและแข็งแกร่ง
เราอาจไม่ต้องเร่งปรับทีเดียวนะคะ ค่อยๆปรับทีละอย่าง แบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่เครียดและกังวลจนเกินไป เมื่อภายในสุขภาพดี แข็งแรง ระบบการทำงานต่างๆในร่างกาย ก็จะกลับมาทำงานได้อย่างปกติ โดยไม่ส่งผลเสียจนไปกระตุ้นให้เกิดสิวตามมาแล้วค่ะ
เริ่มต้นการดูแลรักษาสิวแค่อ่านก็รู้สึกยุ่งยากแล้วใช่ไหมคะ แต่ยังไงเมื่อเป็นสิวก็ควรรีบรักษาก่อนที่จะลุกลามจนหน้าพังมากขึ้น ส่วนใครที่เป็นสิวแต่ก็ยังไม่ชัวร์ว่า ถ้าดูแลรักษาเองแล้วจะได้ประสิทธิภาพไหม ลองเข้ามาปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Romrawin Clinic ได้นะคะ ที่นี่ครบวงจรดูแลเรื่องผิว เรื่องสิวๆไม่ใช่ปัญหาค่ะ
หากต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้เชี่ยวชาญ
สามารถปรึกษาเราได้ที่ รมย์รวินท์ คลินิก
???? โทร.080-1539000 และ 080-1549000
???? Line@ : @Romrawinclinic